ป้ายกลายเป็นประเด็นที่ร้อนแรง และ มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก กรณี ป้ายโฆษณาภาษาจีน ที่มีเนื้อหาเชิญชวนซื้อพาสปอร์ตย้ายประเทศ บริเวณแยกห้วยขวาง แม้จะถูกรื้อออกไปแล้ว แต่ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบที่มาที่ไป และยังไม่ชัดว่า จะเข้าข่ายผิดกฎหมายเรื่องใดหรือไม่ ซึ่งวันนี้ (23 ก.ค.) ทางสำนักงานเขตจะลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
จับตาดูวิวัฒนาการของกลุ่มทุนจีนสีเทา ที่ถูกรัฐบาลจีนกวาดล้าง ตั้งแต่ชายแดนจีนเมียนมา สีหนุวิลล์ในกัมพูชา จนถึงพื้นที่ล่าสุดในเมียวดีอย่างชเว โก๊กโก่ รายงานโดยนริศรา คินิมาน ???? ชมรายการ #ทันโลกกับThaiPBS www.thaipbs.or.th/program/ThisisThaipbs/episodes/101451 #ThaiPBS #ข่าวไทยพีบีเอส #ข่าวที่คุณวางใจ
ยังคงพบการช่วยเหลือกลับไทยอย่างต่อเนื่อง สำหรับผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ หลังถูกหลอกไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน กรณีล่าสุด มี "หญิงไทย" คนหนึ่งถูกทำร้ายจนกะโหลกศีรษะร้าว ขณะบังคับค้าประเวณี ที่น่าสนใจ คือ พบเส้นทางว่า "นายหน้าสัญชาติเมียนมา" เดินทางเข้ามารับตัวถึงสนามบินเชียงใหม่ ก่อนนำขึ้นรถ ไปขายต่อให้นายจ้างทุนจีน ในเมืองเล้าก์ก่าย ของเมียนมา
หลังจากกลุ่ม BGF จับมือกับกลุ่ม KNU ในการต่อต้านกองทัพเมียนมา ซึ่งมีฐานที่มั่นสำคัญอยู่ในรัฐกะเหรี่ยง ความร่วมมือนี้ส่งผลสะเทือนถึงกลุ่มทุนจีนสีเทา ในจังหวัดเมียวดี เพราะกลุ่ม KNU ไม่สนับสนุนกลุ่มอาชญากรเหล่านี้ จึงทำให้กลุ่มทุนจีนสีเทาอาจต้องหาพื้นที่ปลอดภัยใหม่
“ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาล เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา โดยโอกาสนี้ไทยและกัมพูชาได้หารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นควมร่วมมือที่สำคัญ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้กล่าวขอบคุณ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีของไทย ที่ไม่อนุญาตให้ฝ่ายตรงข้ามใช้ประเทศไทยเพื่อ แทรกแซงกิจการของกัมพูชา
ธุรกิจนายหน้ารับจ้างอุ้มบุญ-สวมบัตรของกลุ่มทุนจีนสีเทา เริ่มต้นจากคดีอุ้มเรียกค่าไถ่ของคนจีนด้วยกัน ตอนนี้ตำรวจขยายผลพบชาวจีนกว่า 20 คน มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านของนายหน้าหญิงจีนสัญชาติไทยทุกคนถือ "บัตรสีชมพู" หรือบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย บัตรนี้ถูกมองว่าใช้เป็นใบเบิกทางอยู่ต่อในประเทศไทย ควบคู่กับการขอวีซ่าอุปการะบุตรสัญชาติไทย หนึ่งในวิธีการฟอกสัญชาติให้ทุนจีนสีเทาในอนาคต