วันนี้ (15 พ.ย.2565) เฟซบุ๊กศูนย์ Center for Medical Genomics ของศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยา ลัยมหิดล โพสต์ข้อความระบุว่า เตือน “เดลตาครอน XBC” ลูกผสมระหว่าง “เดลตา” และ “โอมิครอน BA.2” พบระบาดในฟิลิปปินส์ 193 คน กลายพันธุ์ไปมากกว่า XBB และ BQ.1 พบแพร่ติดต่อหลายประเทศในอาเซียน แต่ยังไม่พบอาการรุนแรง
ศูนย์ข้อมูลจีโนมทางการแพทย์ ระบุว่า นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกจับตามอง เดลตาครอน โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโควิด-19 ปลายปีที่ 3 ซึ่งโอมิครอนกำลังอ่อนกำลังลง และดูเหมือนเดลทาครอน หลายสายพันธุ์กำลังระบาดขึ้นมาแทนที่ เช่น XBC, XAY, XBA และ XAW
โดยเฉพาะเดลตาครอน “XBC” มีการกลายพันธุ์ต่างไปจากโควิด19 สายพันธุ์ดั้งเดิม “อู่ฮั่น” มากที่สุดถึงกว่า “130” ตำแหน่ง
จากการถอดรหัสพันธุ์กรรมทั้งจีโนมของเดลตาครอน พอจะประเมินได้ว่าเป็นไวรัสโควิด-19 ที่มีศักยภาพในการโจมตีปอดอย่างเดลตา และอาจแพร่ระบาดได้รวดเร็วเหมือนโอมิครอน
เมื่อต้นปี 2565 ที่ผ่านมา มีรายงานการตรวจพบเดลตาครอนในประเทศฟิลิปปินส์ ระยะหนึ่งจากนั้นได้สูญหายไป ไม่เกิดการระบาดรุนแรงขยายวงกว้าง แต่มาในช่วงปลายปี 2565 กลับพบเดลตาครอน ในประเทศฟิลิปปินส์อีกครั้งในรูปแบบของโควิดสายพันธุ์ XBC, XBA, XAY และ XAW ระบาดขึ้นมาใหม่
อ่านข่าวเพิ่ม โอมิครอนลูกผสม “XBB” ครองอันดับ 1 หลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน
ภาพ:ศูนย์จีโนมทางการแพทย์
ชี้เดลทาครอน โจมตีปอด-แพร่เชื้อเร็ว
ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด (worst-case scenario) ลูกผสมเดลตา-โอมิครอนอาจมีอันตรายพอๆ กับสายพันธุ์เดลตา ซึ่งคร่าชีวิตผู้ที่ติดเชื้อไปประมาณ 3.4% ซึ่งสูงกว่าอัตราการเสียชีวิตของโอมิครอนเกือบสองเท่า ตามผลการศึกษาในปี 2565 ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Reviews Immunology
นอกจากนี้ “เดลตาครอน”อาจมีความสามารถในการแพร่ติดต่อได้อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับโอมิครอน แต่การทำนายความรุนแรงของสายพันธุ์ลูกผสมหรือสายพันธุ์ย่อยอุบัติใหม่เป็นเรื่องยาก เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์ไม่แน่ใจว่าเหตุใดโอมิครอนจึงดูเหมือนจะก่อโรคโควิด-19 ที่รุนแรงน้อยกว่า เมื่อเทียบกับเดลตา
ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าทำไมโควิด-19 จึงเปลี่ยนจาก “โรคทางเดินหายใจส่วนล่าง” ในช่วง 2 ปีแรกที่เดลตา และสายพันธุ์ก่อนหน้าระบาด มาเป็น “โรคทางเดินหายใจส่วนบน” ที่มีความรุนแรงลดลงในปีที่ 3 การเปลี่ยนแปลงอาจเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงนอกเหนือไปจากโปรตีนหนามซึ่งไวรัสใช้ในการเกาะติดเซลล์ของมนุษย์และหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน
ภาพ:ศูนย์จีโนมทางการแพทย์
ทำไมประเทศไทยควรกังวล
เพราะประเทศฟิลิปปินส์ เป็นหนึ่งในอาเซียนที่อยู่ใกล้ประเทศไทย ขณะนี้ตรวจพบผู้ติดเชื้อโอมิครอน XBB จำนวนถึง 81 คนพร้อมไปกับพบลูกผสม XBC ใน 11 จังหวัด ถึง 193 ตย ในขณะที่สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนิเชีย บรูไน กัมพูชา ก็พบ XBB และ XBC ด้วยเช่นกัน
บรรดานักวิทยาศาสตร์อาเซียน ได้ช่วยกันถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสโคโรนา 2019 และแชร์ไว้บนฐานข้อมูลรหัสพันธุกรรมโควิดโลก GISAID
พบลูกผสม XBB ในประเทศต่างๆ ดังนี้
- สิงคโปร์ 1,137 คน คิดเป็น 12.154%
- อินโดนีเซีย 90 คน คิดเป็น 0.623%
- บรูไน 77 คน คิดเป็น 4.254%
- มาเลเซีย 32 คน คิดเป็น 0.358%
- ฟิลิปปินส์ 20 คน คิดเป็น 0.490%
- กัมพูชา 1 คน คิดเป็น 0.197%
พบลูกผสม XBC ในประเทศต่างๆ ดังนี้
- ฟิลิปปินส์ 35 คน คิดเป็น 0.857%
- บรูไน 15 คน คิดเป็น 0.829%
- สิงคโปร์ 1 คน คิดเป็น 0.011%
- มาเลเซีย 1 คน คิดเป็น 0.011%
ทุกประเทศในอาเซียนที่ตรวจพบ XBB และ XBC รายงานตรงกันว่าผู้ติดเชื้อมีอาการไม่ต่างจากการติดเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม (คือไม่รุนแรง อัตราการเสียชีวิตต่ำ)
จากฐานข้อมูลรหัสพันธุกรรมโควิดโลก GISAID ยังไม่พบสายพันธุ์ลูกผสม XBB และ XBC ในประเทศไทย
ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.nature.com/articles/s41577-022-00720-5/figures/1
https://fortune.com/.../resurgence-deltacron-omicron.../
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
WHO ชื่นชมความเข้มแข็งไทยรับมือโควิด-19