วันนี้ (17 พ.ย.2565) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมระดับรัฐมนตรีเอเปคปิดฉากลงแล้ว แม้ระหว่างการประชุมจะมีรายงานถึงความเห็นต่าง การไม่สามารถหาข้อสรุปร่วมกันได้ โดยเฉพาะการใช้ภาษาในแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีเอเปค โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน แต่ท้ายที่สุดดูเหมือนจะหาทางออกแถลงการณ์ร่วมได้
การประชุมครั้งนี้ใช้เวลาการเจรจา 2 ช่วงร่วม 8 ชั่วโมง กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่ารัฐมนตรีเขตเศรษฐกิจเข้าร่วมครบทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจ โดยแบ่งการประชุมเป็น 3 ช่วง
ช่วงแรก เป็นการพูดคุยภายใต้กรอบความยั่งยืนและการมีส่วนร่วม และเห็นชอบรับรองร่างเป้าหมายกรุงเทพ หรือ Bangkok Goals ที่ว่าด้วยการสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่สมดุลและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเสนอให้ที่ประชุมระดับผู้นำในวันที่ 19 พ.ย.นี้
ช่วงที่ 2 เป็นการหารือระหว่างอาหารกลางวัน โดยรัฐมนตรีเอเปคได้แลกเปลี่ยนเรื่องความร่วมมือนโยบายสุขภาพ ที่จะทำให้การเดินทางข้ามพรมแดนไม่หยุดชะงัก หากเกิดโรคระบาดในอนาคต
การประชุมช่วงที่ 3 เป็นเรื่องการค้า การลงทุนที่เปิดกว้าง โดยเฉพาะข้อเสนอต่อการทบทวนเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก FTAAP
ขณะที่วันนี้ (17 พ.ย.) สื่อต่างชาติเริ่มเข้ามารายงานข่าวมากขึ้น เมื่อเทียบกับ 3 วันที่ผ่านมา โดยรวมมีสื่อมวลชนลงทะเบียนเข้าร่วมงานเอเปคร่วม 2,000 คน โดยเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศประเมินว่า มีอัตราส่วนใกล้ๆ กันระหว่างสื่อไทยและสื่อต่างชาติ
จากการติดตามความสนใจของสื่อต่างชาติต่อประเด็นเอเปค พบว่าเป็นไปอย่างหลากหลาย โดยผู้แทน CGTN สื่อของทางการจีน มองบทบาทการเดินทางมาร่วมประชุมเอเปคของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะเป็นที่จับตาถึงบทบาทจีนในภูมิภาค ร่วมทั้งอาจมีการแสดงท่าทีของจีนที่ต้องการเห็นสันติภาพในสงครามรัสเซีย-ยูเครน
ขณะที่ผู้แทนสื่อสหรัฐฯ อย่าง VOA มองว่า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอยู่ในความสนใจของสหรัฐฯ มาโดยตลอด ซึ่งสื่อสหรัฐฯ รายนี้สนใจติดตามประเด็นโมเดลเศรษฐกิจ BCG
ส่วนผู้แทนจาก Al Jazeera ระบุว่า แม้ภูมิภาคอาหรับจะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเอเปค แต่ผู้ชมที่ใช้ภาษาอาหรับอยู่ทั่วทุกมุมโลก และสนใจการเจรจาการค้า การลงทุน ความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอาเซียนเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าข้อสรุปจากเวทีระดับรัฐมนตรี จะเดินหน้าต่อไปในเวทีผู้นำอย่างราบรื่นหรือไม่ ในวันที่ 18 พ.ย.นี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดประชุม รมต.เอเปค ดันเปิดกว้างการค้า-ลงทุน เดินหน้า FTAAP