แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะยังไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธ ว่าจะเข้าร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่
แม้ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ จะออกตัวว่า รวมไทยสร้างชาติไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นมาเพื่อ พล.อ.ประยุทธ์
คุยกับนายกฯ ผมคุยเฉพาะเรื่องงาน ผมถูกสอนว่า เราเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา นายเขาไม่พูด เราก็ไม่ต้องถาม โดยเฉพาะเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องส่วนตัว จะไปเที่ยวละลาบละล้วงว่า จะเอายังไงท่าน จะเอายังไง ได้อย่างไร ถ้าท่านสนใจ ก็เรียกผมไปคุย แต่ถ้าท่านไม่สนใจ ท่านก็ไม่เรียก เราไม่ต้องไปทำอะไรหรอก ผมไม่ได้เดือนร้อน ไม่ได้ดิ้นรน
พีระพันธุ์ บอกว่า รวมไทยสร้างชาติเกิดจากการรวมตัวของคนหลายคน และการตั้งพรรคก็ไม่ได้เกี่ยวกับ พล.อ.ประยุทธ์ แม้ว่า “แรมโบ้อีสาน” เสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะใช้ “มอตโต้” ของ พล.อ.ประยุทธ์ มาจดทะเบียน ใช้ตั้งชื่อพรรคตั้งแต่ปี 2564 ก็ตาม แต่ก็ไม่เกี่ยวกับ พล.อ.ประยุทธ์
อย่างไรก็ตาม หากย้อนไปดูคำพูดของ เสกสกล เมื่อเดือน ก.พ.2565 ที่บอกว่า การจดทะเบียนพรรครวมไทยสร้างชาติ มีความชัดเจนว่า สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ต่อไป และคิดว่าอนาคตการเมืองไม่มีอะไรแน่นอน หากพรรคพลังประชารัฐมีปัญหาก็จะได้มีพรรคการเมืองที่เป็นทางเลือกใหม่
ชัดเจน ไม่ต้องเอากระจกส่องว่า สุดท้ายแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จะมารวมไทยสร้างชาติหรือไม่
พีระพันธุ์ บอกว่า ที่ผ่านมานายกฯ ให้ความสนใจในการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะทุกข์ของชาวบ้านหลายเรื่อง แต่ปัญหาไม่เคยได้รับการแก้ไข จึงมีคำสั่งนายกฯ ตั้งตนเป็นประธานคณะกรรมการอำนวยความเป็นธรรม และเร่งรัดการปฏิบัติราชการ ซึ่งหลายๆ ปัญหาได้รับการคลี่คลายไปบ้างแล้ว
ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยฯ และเคยเป็นอดีตผู้พิพากษามา 7 ปี มองเห็นว่า ปัญหา 3 เรื่องหลักที่เห็นว่าเป็นหัวใจสำคัญ ที่ต้องได้รับการแก้ไข คือ กฎหมายที่ดินทำกินของชาวบ้าน กฎหมายข้าวและกฎหมายเชื้อเพลิง ซึ่งขณะนี้พรรคได้เขียนกฎหมายดังกล่าวเสร็จแล้ว และพร้อมนำไปเป็นนโยบายพรรคที่ใช้หาเสียงในอนาคตด้วย
การเขียนกฎหมายรอสัญญาณยุบสภาของพรรครวมใจไทยสร้างชาติ สอดรับกับยุทธวิธีของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ใช้ความนิ่ง สยบความเคลื่อนไหวของทุกกลุ่มมุ้งการเมือง ภายในพรรคพลังประชารัฐและพรรคร่วมรัฐบาล ที่ต้องช่วยกันประคับประคองไป จนกว่าจะยุบสภา ขณะที่ทุกพรรคก็ยังชุลมุนกับการจัดทัพ เลือกผู้สมัครลง.ส.ในแต่ละพื้นที่ด้วย
วันนี้ นายกฯจะมาหรือไม่ ผมก็เดินงานเป็นเรื่องปกติ เราไม่เคยคุยกันในพรรคว่า ต้องทำงาน เพื่อเตรียมรอ พล.อ.ประยุทธ์ เดี๋ยว พล.อ.ประยุทธ์มาอยู่ ไม่มี ...นายกฯจะมาหรือไม่มา ผมก็ทำงานตามปกติ และไม่กระทบอะไรกับพรรคผมอยู่แล้ว
พีระพันธุ์ กล่าวว่า ผมสนุกกับการทำงานให้นายกฯ สไตล์การทำงานของนายกฯ เราต้องรู้ว่า ท่านชอบอะไร ไม่ชอบคุยเรื่องการเมือง เราก็ไม่คุย เราชอบเรื่องการทำงานก็คุยเฉพาะเรื่องงาน ผมมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ใจดีเกินไป และให้อภัยคนง่าย เราไม่เคยเจอคนแบบนี้
ส่วนเรื่องที่มีการนำไปโยงความสัมพันธ์ระหว่างผมกับ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ต้องบอกว่า ผมกับแดง (พล.อ.อภิรัชต์) สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เขาอายุน้อยกว่าผม 1 ปี สนิทกันมานานแล้ว คนเราจะไม่ให้รู้จักใครบ้างเลยหรือ แล้วก็เอามาเขียนวิเคราะห์มาโยง ทั้งที่ไม่เกี่ยวกันเลย
เมื่อถามว่า ขณะนี้ในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งคะแนนนิยมของพล.อ.ประยุทธ์ ยังดี รวมใจไทยฯ ได้วางตัวผู้สมัครครบทุกพื้นที่แล้วหรือไม่ หัวหน้าพรรครวมไทยฯ กล่าวว่า เกือบครบแล้ว ไม่มีปัญหา
เขียนข่าววิเคราะห์กันว่า ผมดึงคนโน้น คนนี้มาช่วย ดึงคุณสุเทพ (เทือกสุบรรณ) มาช่วย ไม่เคย ไม่จริงเลย ขิง (เอกณัฐ) เป็นเลขาธิการพรรครวมใจฯ แม้จะเป็นลูกเลี้ยง เขาก็ไม่เกี่ยวกัน ครั้งที่แล้วคุณสุเทพตั้งพรรค ขิงก็ไม่ได้ตามไป ยังอยู่ประชาธิปัตย์ ผมไม่ได้ไปดึงใครมา แต่ใครสนใจพรรคเรา
ถามว่า คนบุคลิกแบบไหนเหมาะกับพรรครวมไทยสร้างชาติ พีระพันธุ์ตอบว่า บุคลิกแบบผมกับนายกฯ นี่แหละ บุคลิกของพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นแบบนี้
รายงานโดย : กิ่งอ้อ เล่าฮง