วันนี้ (24 พ.ย.2565) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กองทัพยูเครน ระบุว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธ ประมาณ 70 ลูก โจมตีเป้าหมายทั่วประเทศ รวมถึงระบบโครงข่ายไฟฟ้าในภาคใต้และภาคตะวันออกของยูเครน และโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ 3 แห่ง ที่อยู่ภายใต้การดูแลของยูเครน ถูกตัดขาดจากโครงข่ายไฟฟ้า ขณะที่ โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ซาปอริซเซีย ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป ต้องใช้เครื่องกำเนิดพลังงาน เครื่องยนต์ดีเซล เพื่อทำให้ระบบหล่อเย็น รวมถึงอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยอื่น ๆ ยังคงทำงานได้ตามปกติ
ที่กรุงเคียฟประสบปัญหาระบบไฟฟ้าและน้ำประปา ไม่สามารถใช้การได้ โดยการโจมตีครั้งล่าสุดนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คน
ด้านรัสเซีย ระบุว่าการโจมตีระบบพลังงานของยูเครน จะลดทอนความสามารถของรัฐบาลยูเครนในการต่อสู้ และเป็นการกดดันให้ผู้นำยูเครน ยอมเข้าสู่การเจรจา
โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน กล่าวต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติว่า รัสเซียก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ด้วยการทำให้ประชาชนหลายล้านคนใช้ชีวิตอยู่โดยไม่มีไฟฟ้า ไม่มีระบบทำความร้อนและน้ำประปาใช้ ในขณะที่อุณหภูมิในยูเครนต่ำกว่าจุดเยือกแข็งแล้ว
ผู้ว่าการกรุงเคียฟ ระบุว่าประชาชนอย่างน้อยร้อยละ 80 ในเมืองหลวง ไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปาใช้ ส่วนหลายเมืองซึ่งตกเป็นเป้าโจมตีของรัสเซียเช่นเดียวกัน เริ่มกู้ระบบพลังงานกลับมาเป็นปกติแล้ว
"มอลโดวา" ได้รับผลกระทบ "ไฟดับ" ครึ่งประเทศ
มอลโดวา ประเทศเล็ก ๆ ที่มีชายแดนติดกับยูเครน ก็ได้รับผลกระทบจากการโจมตียูเครนของรัสเซียด้วยเช่นกัน ทำให้ครึ่งหนึ่งของทั้งประเทศประสบปัญหาไฟฟ้าดับ ส่งผลให้รถโดยสารที่ใช้พลังงานไฟฟ้าไม่สามารถให้บริการได้ เช่นเดียวกับบ้านเรือนประชาชน สำนักงาน ร้านค้า ที่ไม่มีไฟฟ้า ซึ่งเหตุการณ์ในลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา