วันนี้ (29 พ.ย.2565) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบหลักการยกเลิกกฎหมายยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหุ้น (Financial Transaction Tax) ซึ่งบังคับมาใช้มานานกว่า 30 ปี โดยกำหนดอัตราเพดานจัดเก็บที่ร้อยละ 0.1 ของทุก ๆ การขาย ตั้งแต่บาทแรกไม่ว่าจะขายทำกำไร หรือขายแล้วขาดทุน เพราะถือเป็นรายการภาษีจากการทำรายการ ซึ่งต้องรอสำนักงานกฤษฎีกาพิจารณาข้อกฎหมายก่อนกำหนดอัตราการจัดเก็บอีกครั้ง
ทั้งนี้ให้เวลาปรับตัว 3 เดือน นับจากประกาศราชกิจจานุเบกษาจึงจะมีผลบังคับใช้ ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นในการปฏิรูปโครงสร้างภาษี เพื่อรักษาวินัยทางการคลัง และหารายได้มาชดเชยเงินกู้จากวิกฤตโควิด-19 คาดว่าจะสามารถจัดเก็บรายได้ในปีแรกไม่น้อยกว่า 15,000 ล้านบาท
นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร ชี้แจงว่า ขณะนี้ยังไม่มีกำหนดอัตราการจัดเก็บภาษีจากการขายหุ้น เพียงแต่กำหนดเพดานการจัดเก็บต้องไม่เกิน ร้อยละ 0.1 ของการขายและกองทุนการออมเพื่อการเกษียณ 7 ประเภท ยังคงได้รับสิทธิ์ยกเว้นภาษีรายการนี้ ในฐานะผู้ดูแลสภาพคล่องของตลาด (Market Maker) จึงไม่กระทบสภาพคล่องตลาดหุ้นไทยในระยะยาว
ขณะที่ นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เตรียมประชุมหารือกับสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อปรับปรุงระบบรองรับการเก็บภาษีขายหุ้น ซึ่งโบรกเกอร์เป็นผู้หักชำระและนำส่งกรมสรรพากรให้มีประสิทธิภาพและต้นทุนต่ำ แต่ขอเวลาประสานรายละเอียดกับกระทรวงการคลัง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการจัดเก็บค่าธรรมเนียมที่ซ้ำซ้อน