วันนี้ (6 ธ.ค.2565) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ร่วมสอบสวน น.ส.พัชรินทร์ และ น.ส.หลิน หลังทั้งคู่เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนพร้อมทนายความ ตามหมายเรียกที่สโมสรตำรวจ โดย น.ส.พัชรินทร์ มีชื่อเป็นกรรมการบริษัท ส่วน น.ส.หลิน เป็นเลขาของ น.ส.พัชรินทร์ โดยบริษัทดังกล่าวมีนายตู้ห่าว ร่วมถือหุ้นบริษัทเป็นอันดับที่ 3
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยภายหลังเข้าสอบสวนเบื้องต้นว่า ตำรวจออกหมายเรียกกลุ่มกรรมการบริษัทและคนใกล้ชิดของนายตู้ห่าวรวม 4 คน ซึ่ง 2 คนนี้ ตำรวจติดตามพบตัวที่สปาแห่งหนึ่งเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา จึงได้นัดหมายให้เข้ามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ข้อมูล ประเด็นการสอบสวนก็เป็นรายละเอียดธุรกรรมการเงินของบริษัท
ส่วนอดีตตำรวจนายหนึ่งและนางสุชาดา ได้นัดหมายเข้าให้ปากคำในวันพฤหัสบดีที่ 8 ธ.ค.นี้ โดยมีประเด็นสอบสวนใกล้เคียงกัน
นอกจากนี้ ได้เรียกหัวหน้าสถานีตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 27 แห่ง ที่พบข้อมูลการออกวีซ่าประเภทนักเรียนให้กับกลุ่มชาวจีนเข้ามาให้ข้อมูลด้วย โดยจะสอบถามข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา เพื่อตรวจสอบก่อนพิจารณาว่า มีความต้องสงสัยหรือเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือกลุ่มชาวจีนให้มีวีซ่าประเภทนักเรียน นักศึกษาด้วยหรือไม่
ทั้งนี้ การตรวจสอบพบว่า กลุ่มชาวจีนบางส่วนไม่มีการเดินทางเข้าออกประเทศและมีเอเยนต์รับต่อวีซ่าให้ รวมถึงมีการเรียกรับผลประโยชน์กรณีออกและใช้วีซ่าผิดประเภท โดยการตรวจสอบจะมีชุดทำงานเข้าตรวจค้นมูลนิธิที่พบหลักฐานว่า อาจจะเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วยประมาณ 10 แห่งทั่วประเทศ
ขณะเดียวกัน รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงประเด็นชาวต่างชาติซึ่งพบส่วนใหญ่เป็นชาวจีน ซื้อบ้านหรูในโครงการหมู่บ้านแห่งหนึ่งในซอยลาซาล ประมาณ 50 หลัง ด้วยว่าเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจนำหมายค้นเข้าตรวจค้นบ้านหรูต้องสงสัยเป็นเครือข่าย ทางธุรกิจของนายตู้ห่าวจำนวน 4 หลัง ซึ่งได้อายัดไว้ตรวจสอบทั้งหมดแล้ว แต่ในขณะเข้าตรวจข้อมูลกรรมสิทธิ์กับทางโครงการพบว่ายังมีกลุ่มชาวต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนจีน ครอบครองบ้านในโครงการอีกประมาณ 50 หลัง แต่ยังไม่พบความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับกลุ่มเครือข่ายทางธุรกิจสีเทาของนายตู้ห่าว ซึ่งข้อมูลการซื้อและการครอบครองดังกล่าว ตำรวจได้ส่งข้อมูลให้กับทางกรมที่ดินติดตามตรวจสอบการซื้อ และการครอบครองแล้ว