วันนี้ (9 ธ.ค.2565) ตัวแทนผู้เสียหาย จ.อ่างทอง นำภาพถ่ายการส่งสินค้า เอกสารการทำสัญญาซื้อขาย ใบส่งของ และใบแจ้งความให้กับทีมข่าวตรวจสอบ หลังสั่งซื้อสินค้าประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มชูกำลัง กาแฟ สินค้าในร้านขายของชำ กับ น.ส.เล็ก และนายโจ้ ผู้ก่อเหตุ ซึ่งมีหน้าร้านและเคยได้รับสินค้าจริง แต่ขณะนี้ไม่สามารถติดต่อได้
น.ส.ณัฐ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย เล่าว่า ตนเองเป็นเพื่อนกับผู้ก่อเหตุ ครั้งแรกเห็นผู้ก่อเหตุโพสต์ขายน้ำมันพืชในราคาถูก หลังจากนั้นจึงได้ติดต่อเพื่อซื้อสินค้าอื่น ๆ เนื่องจากมีราคาถูกกว่าท้องตลาด และได้ผู้ก่อเหตุได้ชักชวนให้ น.ส.ณัฐ ร่วมลงทุน โดยการหานายทุนและทำหน้าที่เซลล์ขายสินค้าให้กับร้านค้าของชำในทั้งใน จ.อ่างทอง และภาคอีสานโดยจะได้รับส่วนต่างจากการขายปลีก จนเมื่อต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ไม่สามารถติดต่อผู้ก่อเหตุได้ เบื้องต้นความเสียหายกว่า 6 ล้านบาท
ขณะที่นายเอ็ม (นามสมมติ) ผู้เสียหายอีกคน ที่เปิดร้านขายของชำ สะท้อนว่า ตนเองได้ร่วมลงทุนเป็นการซื้อสินค้ารวมทั้งรวมลงทุน แบบผลกำไรเป็นระบบตามที่ผู้ก่อเหตุกำหนด หลังจากนั้นจะมีบุคคลติดต่อมาสั่งสอนค้าจำนวนมาก เป็นแรงจูงใจให้สั่งซื้อสินค้า เนื่องจากเชื่อว่าสามารถขายต่อได้ ซึ่งช่วงแรกผู้ก่อเหตุจะให้โอนเงินเข้าบัญชีส่วนบุคคล แต่ช่วงหลังผู้ก่อเหตุรับจ่ายเฉพาะเงินสด โดยอ้างว่ากลัวการเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง รวมทั้งเริ่มได้รับสินค้าล่าช้า จนสั่งซื้อสินค้ากลับไม่ได้รับของและไม่สามารถติดต่อผู้ก่อเหตุได้ รวมมูลค่าความเสียหาย 3 ล้านบาท
ทีมข่าวได้ไปที่บ้านของ น.ส.เล็ก ผู้ก่อเหตุ ปรากฎว่าบ้านที่เคยเป็นโกดังสินค้า ขณะนี้ไม่มีคนและสินค้าอยู่แล้ว เมื่อติดต่อผ่านเบอร์โทรศัพท์ที่ให้ไว้ก็ไม่สามารถติดต่อได้ จากการตรวจสอบร้านค้าดังกล่าว ได้จดทะเบียนพาณิชย์ กับสำนักงานทะเบียนพาณิชย์ องค์การบริหารส่วนตำบลยี่ล้น จ.อ่างทอง โดยจะทะเบียนร้านค้าเป็นประเภทร้านขายของชำ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา ผู้เสียหายกว่า 10 คน จาก จ.อ่างทอง เดินทางเข้าแจ้งความที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เบื้องต้นผู้เสียหายได้แจ้งความ สภ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง และรวมกลุ่มผ่านแอปพลิเคชันไลน์ กว่า 79 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท