เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2565 ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นำคณะเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบริษัทของผู้ต้องหาหญิงชาวไทยและชายชาวต่างชาติ ที่ถูกตำรวจฟินแลนด์ จับกุมในข้อหาค้ามนุษย์ที่ฟินแลนด์
โดยขอความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญามายังทางการไทย ให้เข้าตรวจค้นบริษัทจัดหางานคนไทยไปเก็บผลไม้ป่าที่ฟินแลนด์ ในพื้นที่กทม.แห่งหนึ่ง พบมีพฤติการณ์ชักชวนคนไทยนับพันคนเดินทางไปเก็บผลไม้ป่าฟินแลนด์
มีการเรียกเก็บเงินค่าใช้จ่ายคนละ 50,000 บาท แต่เมื่อถึงฟินแลนด์จะถูกยึดหนังสือเดินทาง ถูกบังคับให้ตกเป็นหนี้ค่าใช้จ่ายต่างๆ สูงเกินจริง ต้องทำงานวันละ 14-18 ชม.เพื่อนำเงินมาใช้หนี้ที่ไม่เป็นธรรม
เข้าข่ายค้ามนุษย์-พบโกงตาชั่งผลไม้
ร.ต.อ.ปิยะ กล่าวว่า กระทำดังกล่าวอันเป็นการข่มขืนใจให้ผู้อื่นทำงานโดยการนำภาระหนี้สินหรือยึดเอกสารหนังสือเดินทาง จนผู้นั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ จำยอมต้องทำงานเป็นการบังคับใช้แรงงาน ซึ่งเข้าข่ายผิดกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามค้ามนุษย์
ซึ่งต่อมาองค์การพัฒนาเอกชนชื่อริคุ ของฟินแลนด์ ได้รับแจ้งให้เข้าช่วยเหลือคนไทยจากแคมป์คนงาน จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาของตำรวจฟินแลนด์ ทั้งนี้ ปฏิบัติการตรวจค้นดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่าง DSI สำนักงานอัยการสูงสุด และทางการฟินแลนด์
ผลการตรวจค้นพบเอกสารการจัดตั้งบริษัท ข้อมูลแรงงานไทย เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์หรือ Berry Processing ที่ผู้ต้องหาใช้ในการโกงน้ำหนักผลไม้ป่า ทำให้แรงงานไทยเป็นจำนวนมากตกเป็นหนี้สินกับทางบริษัทฯ
โดย DSI จะนำหลักฐานดังกล่าวส่งมอบให้กับทางการฟินแลนด์ ตามคำร้องขอความร่วมมือระหว่างประเทศในทางอาญา สำหรับการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องในไทย DSI จะได้ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งขบวนการ เพื่อเอาผู้กระทำความผิดมาลงโทษ