สมาชิกบางส่วนจากทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันจากทั้งสองสภา เสนอให้มีการผลักดันกฎหมายเพื่อแบนแอปพลิเคชัน TikTok แอปฯ ชื่อดังของจีน โดยอ้างถึงเรื่องความปลอดภัยของชาติ
เมื่อเดือนที่แล้ว หัวหน้าหน่วยงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) แสดงความกังวลว่าจีนอาจใช้แอปนี้เพื่อโน้มน้าวหรือใช้ควบคุมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของผู้ใช้ โดยขณะนี้มีหลายรัฐของสหรัฐฯ ที่แบนแอปนี้จากอุปกรณ์ของรัฐบาลแล้ว แต่กฎหมายดังกล่าวที่กำลังผลักดันนี้อาจต้องใช้ระยะเวลายาวนาน
ด้าน TikTok ระบุว่า การแบนดังกล่าวนี้เป็นการกระทำที่เกิดมาจากแรงจูงใจทางการเมืองไม่ได้มีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนความมั่นคงของชาติแต่อย่างใด โดยทางบริษัทจะยังดำเนินการให้ข้อมูลแก่สมาชิกสภาคองเกรสเกี่ยวกับแผนงานต่าง ๆ ที่กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินด้วยดีในการสร้างความปลอดภัยของแพลตฟอร์มในสหรัฐฯ ต่อไป
ด้านผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่า การโจมตีทางการเมืองผ่านแอปพลิเคชันนี้ บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน แต่ไม่คิดว่าการแบนดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ในเร็ว ๆ นี้ โดยสังเกตจากความเคลื่อนไหวที่เป็นไปอย่างช้า ๆ และคิดว่าการปิดกั้น TikTok ไม่ใช่การปิดช่องว่างของปัญหาที่เกิดขึ้น
ในสหรัฐฯ TikTok เคยเผชิญการแบนมาแล้วเมื่อ 2 ปีก่อนตามคำสั่งของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ห้ามให้มีการดาวน์โหลดใหม่ แต่ผู้พิพากษาวินิจฉัยขัดขวางการบังคับใช้คำสั่งดังกล่าว ทำให้ไม่เคยมีผลบังคับใช้แต่อย่างใด จนกระทั่งถูกเพิกถอนไปในสมัยประธานาธิบดี โจ ไบเดน
ขณะที่สมาชิกวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกัน หนึ่งในผู้สนับสนุนการออกกฎหมายนี้ ระบุว่า กฎหมายดังกล่าวจะสกัดกั้นธุรกรรมทั้งหมดจากบริษัทสื่อโซเชียลใด ๆ ที่อยู่ภายในหรือภายใต้อิทธิพลของจีน รัสเซีย และประเทศอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งแอปดังกล่าวไม่ได้มีขึ้นเพื่อการสร้างวิดีโอที่สร้างสรรค์แต่อย่างใด แต่มีขึ้นเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลของเด็กและผู้ใหญ่ชาวอเมริกันกว่าหลายสิบล้านคนในทุกวัน
นอกจากสหรัฐฯ แล้ว ยังมีการเรียกร้องให้แบน TikTok ในประเทศอื่น ๆ อีกด้วย เช่น ออสเตรเลีย ในขณะที่ไต้หวันเพิ่งจะแบน TikTok ในอุปกรณ์สาธารณะต่าง ๆ ส่วนอินเดียแบนไปตั้งแต่ปี 2020 ทั้งนี้ ในสหรัฐฯ มีผู้ใช้งาน TikTok มีอยู่มากกว่า 100 ล้านบัญชี