วันนี้ (5 ธ.ค.2567) สมาชิกสมัชชาแห่งชาติฝรั่งเศส มีมติ 331 เสียง ไม่ไว้วางใจ มิเชล บาร์นิเยร์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ส่งผลให้นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสจะต้องลาออกจากตำแหน่งหลังปฏิบัติหน้าที่มาเพียง 3 เดือน หลังจากได้รับการแต่งตั้งเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา โดยเอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส
มติไม่ไว้วางใจดังกล่าวได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้นเกินเกณฑ์ 288 เสียง ที่จะต้องใช้ในการผ่านมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะส่งผลให้มาครงต้องแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่อีกครั้งภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือน
มิเชล บาร์นีเย นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ที่รัฐสภาในกรุงปารีส เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2567
การยื่นญัตติไม่ไว้วางใจครั้งนี้มีชนวนเหตุมาจากการผ่านร่างงบประมาณปี 2025 ซึ่งบาร์นิเยร์ตัดลดงบประมาณลง 40,000 ล้านยูโร และขึ้นภาษี 20,000 ล้านยูโร เพื่อพยายามแก้ปัญหางบประมาณขาดดุล แต่บาร์นิเยร์ผ่านงบฯ ดังกล่าวโดยอาศัยมาตรา 49.3 ของรัฐธรรมนูญฝรั่งเศสเพื่อลัดขั้นตอนผ่านงบฯ โดยไม่ต้องผ่านการเห็นชอบจากรัฐสภา เปิดทางให้ฝ่ายค้านคัดค้านการผ่านงบดังกล่าว
โดยฝ่ายค้านฝรั่งเศส ระบุว่า มาตรการของบาร์นิเยร์ ยังไม่เพียงพอที่จะแก้ไขข้อกังวลของพวกเขา
ด้านนางมารีน เลอ แปน ผู้นำแนวร่วมการเมืองขวาจัด ระบุหาว่าบาร์นิเยร์เพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องของพรรคของเธอ พร้อมประณามงบประมาณดังกล่าวว่าเป็นการ "จับประชาชนฝรั่งเศสเป็นตัวประกัน" และลงโทษชาวฝรั่งเศสที่เปราะบางที่สุด ซึ่งพวกเขาจะไม่ได้รับสวัสดิการ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ยากจนมากพอที่จะได้รับการยกเว้นภาษีด้วย
อ่านข่าว : มหาภัยพิบัติ หายนะโลกปี'67 ป่วนสุดขั้วใกล้ตัว "มนุษยชาติ"
5 ธันวาคม วันพ่อแห่งชาติ - วันชาติไทย - วันดินโลก
7 ธ.ค.นี้ ชวนดูดาวกลางกรุง ที่สวนเบญจกิติ คืนดาวพฤหัสบดีใกล้โลกที่สุดในรอบปี