วันนี้ (16 ธ.ค.2565) นายอันวาร์ สาและ ยื่นหนังสือถึง นายทะเบียนพรรคประชาธิปัตย์ ขอลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ มีผลตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.2565 เป็นต้นไป โดยในหนังสือลาออก ระบุว่า
ตลอดระยะเวลาที่อยู่กับพรรคมา 17 ปี พรรคก็ยังพ่ายแพ้การเลือกตั้งทั่วไปอย่างต่อเนื่อง เฝ้าดูด้วยความวิตกกังวลและคิดว่าคณะผู้บริหารของพรรคคงกำลังคิดหาทางแก้ไข จึงเฝ้ารอด้วยความอดทนโดยที่ไม่เคยแสดงความคิดเห็นใด ๆ
การเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุดเมื่อปี 2562 พรรคพ่ายแพ้อย่างยับเยิน จากเดิมที่เคยมี ส.ส. 161 คน เหลือเพียง 52 คน เป็นที่น่าตกใจและน่ากังวลเป็นอย่างมาก ตนเองได้รับการแต่งตั้งเข้ามาเป็นรองเลขาธิการพรรค ซึ่งมีหน้าที่อย่างชัดเจน คือ การช่วยคิด ช่วยทำ ในสิ่งที่ถูกที่ควรเพื่อให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศได้เห็นว่า พรรคได้สำนึกผิดในสิ่งที่ได้กระทำไปในอดีตแล้ว และจะขอโอกาสที่จะกลับมายืนเคียงกับประชาชนอีก
จึงได้ทุ่มเทเสนอแนวทางการแก้ไขปรับปรุงพรรคด้วยวิธีคิด “ทำในสิ่งถูกให้เป็นถูก ผิดให้เป็นผิด” โดยเริ่มจากการนำประเด็นต่าง ๆ ที่สื่อและสังคมข้องใจสู่ที่ประชุมพรรคให้ผู้บริหารหาทางแก้ไขแต่ไม่เป็นผล จึงต้องหาวิธีนำเสนอใหม่เป็นเอกสารไปเก็บเอาไว้ที่พรรคเพื่อให้มีการบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
อีกทั้งยังได้เตือนว่า หากผู้บริหารไม่สนใจแก้ไขจะมีสมาชิกทยอยลาออกจากพรรค ซึ่งสุดท้ายก็เป็นความจริงว่า ได้ลาออกไปกว่า 30 คนแล้ว
นายอันวาร์ ระบุในเอกสารที่ยื่นต่อพรรคว่า เคยถูกผู้ทรงอิทธิพลของพรรคเสนอว่าไม่ควรส่งลงสมัครอีกเพราะผลโพลแจ้งว่า จะแพ้ แต่สุดท้ายก็ชนะอย่างต่อเนื่องและเป็น ส.ส.ถึง 4 สมัยของพรรคประชาธิปัตย์ และขอลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยเหตุผลเดิมที่ได้ระบุไว้ในเอกสารที่ยื่นต่อพรรคเอาไว้หลายฉบับว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่เหมือนเดิม อุดมการณ์เดิมของพรรคนั้น ต้องทำ ต้องปฎิบัติ ไม่ใช่ "ดีแต่พูด" แล้วจะทำให้ประชาชนเชื่อ
รวมถึงจากการเสนอข่าวของสื่อมวลชนล่าสุดว่า มีการล่ารายชื่อกันเพื่อจะปลดผู้บริหารนั้น ทำให้พรรคเสียหายมากแล้ว ตนไม่ขอแสดงความเห็นใด ๆ ในเอกสารการลาออก นอกจากจะขอโอกาสเตือนเป็นครั้งสุดท้ายว่า เลิกโกหกบิดเบือน ควรต้องยืนอยู่บนความเป็นจริง อะไรที่ทำผิดไปแล้วก็ควรขอโทษพี่น้องประชาชน ดังเช่นผู้ทรงอิทธิพลได้เคยประกาศขอโทษไปแล้วเมื่อไม่นานที่สงขลา
นายอันวาร์ ยังขอให้พระเจ้าคุ้มครองเพื่อนๆ ที่เป็นคนดี และจะยังอยู่ในพรรคต่อไปให้พบแต่สิ่งที่ดีงาม