เรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ ถูกคลื่นซัดเกยตื้นบริเวณปลายแหลมสนอ่อน อ.เมืองสงขลา ตั้งแต่เมื่อวานนี้ เป็นผลจากคลื่นลมรุนแรง จนทำให้สมอเรือขาด จนเรือถูกคลื่นซัดติดริมหาด จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถกู้เรือได้ เพราะคลื่นลมยังรุนแรงต่อเนื่อง
ขณะที่ภายในตัวเมืองสงขลา ยังคงมีน้ำท่วมตามซอยต่างๆ แต่ถือว่าลดระดับลงแล้ว อย่างซอย 13 ในตัวเมือง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหอพักนักศึกษา ระดับน้ำสูงกว่า 50 เซนติเมตร และมีจุดที่ลึกบางส่วน
เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งกรมทางหลวง และกรมเจ้าท่า นำเรือ และรถบรรทุกขนาดใหญ่มาคอยให้บริการประชาชนในพื้นที่ใช้สัญจรเข้า ออกภายในซอย
ขณะที่นักศึกษาที่อาศัยอยู่ในซอยนี้ บางคนอาศัยช่วงฝนหยุดตกเดินเท้า ลุยน้ำ เพื่อหาซื้ออาหารและเสบียงตุนไว้ อย่างน้อย 2 วัน ตามที่มีประกาศเตือน ซึ่งยอมรับว่าใช้ชีวิตค่อนข้างลำบาก โดยเฉพาะการเข้าห้องน้ำ
ส่วนที่อำเภอหาดใหญ่ พบว่าระดับน้ำลดลงต่อเนื่องจนคลี่คลายแล้ว เหลือพื้นที่ลุ่ม อย่างเช่นการเคหะชุมชนหาดใหญ่ ตำบลน้ำน้อย รวมทั้งเส้นทางจราจรบางส่วนที่ถูกปิดบางช่องทาง แต่มีการจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกประชาชนแล้ว
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง เนื่องจากตามพื้นที่ลุ่ม คูคลองสายต่างๆ ปริมาณน้ำค่อนข้างสูง ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งระบายน้ำ โดยส่วนหนึ่งเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน พร้อมกับการรองรับปริมาณน้ำที่อาจเพิ่มขึ้นใน 2 วันนี้
นอกจากนี้ที่จังหวัดใกล้เคียง อย่างสตูล พัทลุง ก็ได้รับผลกระทบจากฝนตกหนัก จนเกิดน้ำป่าไหลหลากเช่นเดียวกัน ล่าสุด จังหวัดพัทลุง ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว 9 อำเภอ มีผู้เสียชีวิตจากเหตุจมน้ำแล้วที่ 1 คน ที่อำเภอปากพะยูน ซึ่งพบว่าพื้นที่นี้มีน้ำท่วมสูง จนบางหมู่บ้านถูกตัดขาด เจ้าหน้าที่ทหารต้องนำข้าวสารและถุงยังชีพเข้าช่วยเหลือ
น้ำท่วมกระทบหนัก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
กระแสน้ำจากแม่น้ำโกลกทะลักผนังกั้น ก่อนจะไหลบ่าเข้าท่วมตลาดมูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้เคยถูกน้ำท่วมหนักมาแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา และในปีนี้ปริมาณน้ำ ก็มากใกล้เคียงกับปีก่อน บางจุดน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร เจ้าหน้าที่ยังต้องเดินลุยน้ำที่ไหลเชี่ยว เพื่อนำเรือท้องแบนไปขนย้ายชาวบ้าน และช่วยขนข้าวของหนีน้ำ โดยเฉพาะบ้านชั้นเดียวบางหลังที่ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้แล้ว
ส่วนนี้เป็นสภาพของร้านค้าย่านเศรษฐกิจสำคัญกลางเมืองปัตตานีจำนวนมาก ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม เพราะฝนที่ตกหนัก ร้านค้าเกือบทุกแห่งปิดกิจการชั่วคราว ขณะที่บางร้านแม้จะนำกระสอบทรายมาวางกั้น แต่ปริมาณน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น และน้ำที่กระเด็นจากรถที่วิ่งผ่านไปมา ก็ทำให้ไหลเข้าภายในร้านสร้างความเสียหาย
สภาพของบ้านเรือน และร้านค้าย่านชุมชนเก่าแก่ชาวไทยเชื้อสายจีนในพื้นที่เมืองปัตตานี บริเวณนี้น้ำก็เพิ่มปริมาณขึ้น หลายครอบครัวพยายามตักน้ำที่ไหลเข้าท่วมบ้านออก และปิดประตูลดแรงกระแทกของน้ำที่มาจากรถที่ผ่านไปมา
นายบุญจอง กัณฑ์แก้ว หนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบ ตั้งข้อสังเกตว่าน้ำที่ไหลเข้าท่วมรอบนี้ เกิดจากฝนที่ตกสะสม และระบายอย่างช้า ๆ ส่วนหนึ่งมาจากการขยายของเมืองและสิ่งปลูกสร้างที่มีมากขึ้น ทำให้ทิศทางน้ำเปลี่ยนไป
จ.ปัตตานี เป็นพื้นที่ปลายน้ำที่รองรับน้ำบางส่วนจากจังหวัดยะลา และจังหวัดปัตตานี ก่อนลงสู่ทะเล ทำให้ขณะนี้ปริมาณน้ำในแม่น้ำปัตตานีเกือบเต็มความจุ บางจุดน้ำได้เอ่อล้นตลิ่งแล้ว ขณะที่เรือประมงหลายร้อยลำต้องจอดเทียบท่า เพราะคลื่นสูง