ทิ้งห่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และแคนดิเดตนายกฯ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ตามมาอันดับ 2 และได้คะแนนนิยม 14 เปอร์เซ็นต์ แต่แซงนำหน้านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ได้อันดับ 3 ที่ 13.2 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่คะแนนนิยมพรรคการเมือง อันดับ 1 เป็นพรรคเพื่อไทย 42.9 เปอร์เซ็นต์ อันดับ 2 คือพรรคก้าวไกล 16.6 เปอร์เซ็นต์ ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ อยู่อันดับ 4 คะแนนนิยมร้อยละ 6.9 เปอร์เซ็นต์
สะท้อนกระแสนิยมจนถึงขณะนี้ ของทั้ง “อุ๊งอิ๊ง” และพรรคเพื่อไทย ยังได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนชนิดแรงไม่ตก เพราะผลโพลไตรมาส 3/65 ของนิด้าโพล อันดับ 1 ในส่วนที่เป็นตัวบุคคล 21.6 เปอร์เซ็นต์ คือ น.ส.แพทองธาร อันดับ 2
เฉพาะในส่วนตัวบุคคล เป็นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล 10.5 เปอร์เซ็นต์ และอันดับ 3 ในส่วนตัวบุคคลระบุว่า เป็น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ 10.1 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่พรรคการเมือง อันดับ 1 พรรคเพื่อไทยได้ 34.4 เปอร์เซ็นต์ อันดับ 2 ไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใด 24 เปอร์เซ็นต์ อันดับ 3 พรรคก้าวไกล ได้ 13.5 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอันดับ 4 พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 7.5 เปอร์เซ็นต์
ผลจากการขยับแซงนายพิธาของ พล.อ.ประยุทธ์ครั้งนี้ เกิดขึ้นก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะแสดงความชัดเจนรับเป็นแคนดิเดตนายกฯ ในบัญชีพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่ก็เป็นช่วงระยะเวลาที่มีกระแสข่าวปรากฏบนหน้าสื่ออย่างต่อเนื่อง
เรื่อง พล.อ.ประยุทธ์จะแยกทางกับพรรคพลังประชารัฐ ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค โดยบรรดาแกนนำพร้อม ส.ส.ในพรรคจำนวนหนึ่ง ส่งเสียงเชียร์ให้ พล.อ.ประวิตร ขึ้นเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค แทนที่จะชู พล.อ.ประยุทธ์ เหมือนการเลือกตั้งปี 2562
เท่ากับคนไทยทั่วไป เริ่มพอรับทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์ เตรียมย้ายไปเป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ แน่นอนแล้ว ทำให้เชื่อกันว่า ผลสำรวจรายไตรมาสครั้งหน้าของนิด้าโพล อาจมีคะแนนสนับสนุนเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/65
เพราะน่าจะมีข่าวคราวความเคลื่อนไหวทั้งในฐานะนายกรัฐมนตรี และฐานะแคนดิเดทนายกฯของพรรคการเมือง มากกว่านายพิธา และพรรคก้าวไกล ซึ่งมีข้อจำกัดพอสมควรสำหรับการนำเสนอหรือมีข่าวความเคลื่อนไหวผ่านหน้าสื่อ
แต่ที่สำคัญ จะเป็นช่วงเวลาชี้ขาดคะแนนนิยมระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ และ น.ส.แพทองธารในช่วงเวลานับถอยหลังสู่การเลือกตั้งใหญ่ว่าใครจะมีคะแนนนำหน้าใคร ในอัตราส่วนที่แตกต่างกันแค่ไหน อย่างไร เพราะเป็นช่วงโค้งสุดท้ายแล้ว สัดส่วนการ “แทงกั๊ก” ของประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งน่าจะเริ่มลดน้อยลงมาก
เพราะไปๆ มาๆ ทั้งคู่ จะกลายเป็นตัวแทนการแข่งขันในเวทีเลือกตั้ง ส.ส.ที่กำลังจะมีขึ้น ระหว่างขั้วรัฐบาลปัจจุบัน กับขั้วฝ่ายค้านปัจจุบัน แม้นว่าบางพรรคการเมือง อาทิ พรรคภูมิใจไทย อาจมีข่าวคราวความเคลื่อนไหวเข้มข้นมากกว่าในบางช่วงเวลา
กูรูการเมืองทั่วไป ต่างฟันธงล่วงหน้าแล้วว่า การเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งหน้า จะยังคงเป็นการต่อสู้ระหว่างขั้วหนุน “บิ๊กตู่” ต่อ กับขั้วที่ไม่เอา “บิ๊กตู่” คล้ายๆ กับการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562
แต่ครั้งนี้ ขั้วฝ่ายค้านปัจจุบัน ที่นำโดยพรรคเพื่อไทย ทุ่มทุกสรรพกำลังหวังเอาชนะตามแผนงานแลนด์สไลด์ทั่วแผ่นดิน ที่คาดหวังไว้ รวมถึงการดึงทั้งแกนนำและแนวร่วมเดิม ๆ ที่แตกกระสานออกไประยะหนึ่ง กลับมารวมตัวที่ “บ้านใหญ่หลังเดิม” คาดหวังชัยชนะไว้สูงเช่นกัน
ใครจะอยู่ ใครจะไป ตรงตามผลโพลหรือไม่ อีกไม่นานได้รู้กัน
วิเคราะห์โดย : ประจักษ์ มะวงศ์สา