วันนี้ (26 ธ.ค.2565) ความชัดเจนล่าสุดหลังสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ให้ทบทวนการขึ้นค่าเอฟทีของภาคเอกชน 190.44 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อรวมค่าไฟฟ้าฐานส่งผลให้เรียกเก็บค่าไฟฟ้า 5.96 บาทต่อหน่วย
รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ได้รับคำสั่งจากนายกฯ ช่วยเหลือค่าไฟฟ้างวดแรกปี 2566 หรือ ตั้งแต่ ม.ค. – เม.ย.2566 สำหรับกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่น ๆ หรือ ภาคธุรกิจ จากที่จะเริ่มเรียกเก็บ 5.69 บาทต่อหน่วย
เบื้องต้น คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน กำลังจะพิจารณาทบทวนค่าเอฟทีใหม่ โดยจะหารือกับภาคเอกชน ภายใน 1-2 วันนี้ คาดอาจลดค่าเอฟทีจากที่จัดเก็บในอัตรา 190.44 สตางค์ต่อหน่วยได้ และอยากให้การหารือกับภาคเอกชนได้คำตอบร่วมกันในหลายมิติ ทั้งการลดดอกเบี้ยและลดการใช้พลังงาน
ด้านนายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า ในปี 2566 การผลิตก๊าซฯ จากแหล่งเอราวัณ จะกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ในช่วงเดือน ก.ค.2566 และเพิ่มเป็น 600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ในช่วงปลายปี 2566
จากนั้นจะเพิ่มเป็น 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในช่วงเดือน เม.ย.2567 จากปัจจุบัน อยู่ที่กว่า 200 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ช่วยลดการนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจี ก็เป็นปัจจัยบวกต่อค่าไฟฟ้าในปีหน้า