จะมีการประชุมนัดสำคัญในวันนี้แล้ว และมีข่าวว่าเสียงส่วนใหญ่จากชาติสมาชิกน่าจะหนุนให้ออกมาตรการคุมเข้มผู้เดินทางจากจีน ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันในอียู แต่มีการตั้งคำถามจากผู้เชี่ยวชาญถึงประสิทธิภาพของมาตรการเช่นกัน ท่ามกลางการระบาดในจีนที่โรงพยาบาลหลายแห่งอยู่ในสภาวะผู้ป่วยล้นมือ
โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในนครเซี่ยงไฮ้ มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาเป็นจำนวนมาก โดยผู้ป่วยที่ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ เข้ารับการรักษาตัวในแผนกฉุกเฉิน หลายคนนั่งรับออกซิเจน น้ำเกลือ และการดูแลอื่น ๆ ขณะที่บางคนนอนรักษาตัวริมทางเดิน ท่ามกลางรถฉุกเฉินที่นำตัวผู้ป่วยมาส่งยังโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง
จนทำให้บรรยากาศภายในแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลบางแห่งเต็มไปด้วยผู้ป่วยและประชาชนที่มารอรับบริการทางการแพทย์จนแทบไม่มีทางเดิน ซึ่งมีรายงานว่า สถานการณ์นี้ยังพบเห็นได้ตามโรงพยาบาลหลายแห่งทั่วเมือง โดยในแต่ละวัน มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษากว่า 1,600 คน ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นผู้ป่วย โควิด - 19 ถึง 80 %
สมาชิกคณะที่ปรึกษาที่เชี่ยวชาญด้านโควิด-19 ของจีน ประเมินว่า ชาวเซี่ยงไฮ้น่าจะติดเชื้อโควิด-19 ไปแล้วประมาณร้อยละ 70 จากประชากรทั้งหมด 25 ล้านคน เพิ่มขึ้นมากถึง 30 เท่าจากการระบาดเมื่อกลางปีที่แล้ว เช่นเดียวกับหลายเมืองใหญ่ทั่วจีน เช่น กรุงปักกิ่งและฉงชิ่ง ซึ่งทางการจีน ระบุว่า การแพร่ระบาดน่าจะเลยจุดสูงสุดไปแล้ว
ขณะที่เกาหลีใต้ก็มีมาตรการคัดกรองโควิด-19 กรณีมีผู้เดินทางจากประเทศจีนที่สนามบินอินชอนด้วย หลังมีการเปิดประเทศของจีน
สถานการณ์นี้ทำให้สหภาพยุโรปเสนอความช่วยเหลือเพื่อรับมือโควิด-19 แก่จีน รวมถึงการมอบวัคซีนฟรีให้แก่จีน และการให้ข้อมูลทางการแพทย์และความเชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ หลังอัตราการระบาดในจีนเพิ่มสูง
โฆษกคณะกรรมาธิการยุโรป ระบุว่า จีนยังไม่ตอบรับข้อเสนอแต่ไม่ได้เจาะจงจำนวนวัคซีนที่เสนอมอบให้จีน ขณะที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคยุโรปยังยืนยันว่า สถานการณ์ในจีนยังไม่ได้จัดเป็นภัยคุกคามอย่างปัจจุบันทันด่วน เนื่องจากสายพันธุ์ไวรัสในจีนพบในอียูอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งประชากรในอียูมีภูมิคุ้มกัน
แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขในอียูไม่ได้นิ่งนอนใจให้ซ้ำรอยการระบาดต้นปี 2020 และได้เตรียมการหารือแนวทางการรับมือแล้ว โดยวันนี้ตัวแทนชาติสมาชิกอียูจะประชุมกันเพื่อหารือแนวทางร่วมกันในการออกมาตรการต่อผู้เดินทางจากจีน หลังเผชิญความวุ่นวายและการดำเนินมาตรการแบบคนละทิศละทางตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ การประชุมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของอียูเมื่อวาน ( 3 ม.ค.65) ทำให้คณะกรรมาธิการยุโรปเปิดเผยว่า สมาชิกส่วนใหญ่จากทั้งหมด 27 ประเทศ ต้องการให้ผู้ที่เดินทางจากประเทศจีนผ่านการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนออกเดินทางอย่างเป็นระบบ
ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนออกมาตอบโต้ประเทศที่บังคับใช้มาตรการจำกัดการเข้าเมืองกับนักเดินทางจากจีน โดยระบุว่า มาตรการดังกล่าวไร้เหตุผลและไม่ได้อยู่บนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์
นอกจากนี้ในเรื่องการรับความช่วยเหลือจากอียู โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ไม่ได้ตอบคำถามนี้โดยตรง แต่ระบุว่า อัตราการฉีดวัคซีนของจีนและอัตรากำลังในการรักษาผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีจำนวนวัคซีนเพียงพอต่อความต้องการฉีด ซึ่งจนถึงขณะนี้ จีนยังยึดมั่นจะใช้เฉพาะวัคซีนที่ผลิตเองในประเทศ
ขณะที่ทางการจีนออกมาตรการเฝ้าระวังฉบับใหม่ด้วยการให้รัฐบาลท้องถิ่นทดสอบน้ำเสียตามบ้านเรือนเพื่อนำมาวิเคราะห์ระดับการแพร่ระบาดและสายพันธุ์ที่มีการระบาดในชุมชนได้ หลังจากจีนยกเลิกการบังคับตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทำให้การประเมินสถานการณ์ทำได้ยากขึ้น
สำหรับเรื่องการตรวจน้ำเสีย ออสเตรีย เป็นอีกชาติที่ออกมาประกาศตรวจน้ำเสียจากเครื่องบินที่เดินทางจากจีนเช่นกัน ตามหลังชาติอื่น ๆ ที่เริ่มตรวจไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยออสเตรียจะเริ่มการตรวจน้ำเสียจากเครื่องบินจากจีนตั้งแต่สัปดาห์หน้า และจะมีการนำน้ำเสียจากโรงบำบัดน้ำเสียที่ Hallstatt สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวจีน ไปตรวจวิเคราะห์ร่วมด้วย
หลังจากรัฐบาลออสเตรียตรวจสอบน้ำเสียจากกรุงเวียนนาและเมืองใหญ่อย่าง Salzburg มาตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งทำให้ติดตามการเปลี่ยนแปลงของสายพันธุ์ไวรัสได้ ต่อให้ชาวจีนไม่ได้เดินทางเข้าออสเตรียด้วยเที่ยวบินตรงก็ตาม
ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า ต้องการเห็นจีนเอาชนะการระบาดระลอกปัจจุบันได้ เนื่องจากความสูญเสียจากโรคนี้เป็นความวิตกกังวลของทั้งโลก สืบเนื่องจากขนาดเศรษฐกิจของจีน
นอกจากนี้ เขายังยืนยันว่า แนวทางการคุมเข้มการเข้าเมืองของผู้ที่เดินทางมาจากจีนที่บังคับใช้ ยึดมั่นตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น และยังเป็นเพราะสถานการณ์บวกกับการขาดข้อมูลด้านระบาดวิทยาและการตรวจวิเคราะห์ลำดับพันธุกรรมไวรัสจากจีน ถือเป็นการตอบโต้ท่าทีแสดงความไม่พอใจจากกระทรวงการต่างประเทศจีนก่อนหน้านี้ และย้ำด้วยว่า สหรัฐฯ พร้อมให้ความช่วยเหลือด้านวัคซีนแก่จีน
อีกด้านหนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนตั้งข้อสังเกตว่า มาตรการที่นานาชาติบังคับใช้กับผู้ที่เดินทางจากจีน จะมีผลเพียงเล็กน้อยในการควบคุมการระบาดของโควิด-19 โดยผู้เชี่ยวชาญในฝรั่งเศสอ้างอิงความพยายามเมื่อปลายปี 2021 ที่ยุโรปพยายามห้ามการเดินทางจากแอฟริกาใต้ เพื่อยับยั้งการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน แต่ปรากฏว่า ได้ผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคน เกรงว่า สายพันธุ์ที่กำลังแพร่ระบาดในสหรัฐฯ ในขณะนี้ถือเป็นภัยคุกคามที่น่าวิตกยิ่งกว่า คือสายพันธุ์ย่อยโอมิครอน XBB.1.5 ที่อัตราการระบาดเพิ่มจากเพียงไม่ถึง 10% เมื่อกลางเดือน ธ.ค.เป็นมากกว่า 40 % และกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตามข้อมูลการติดตามสายพันธุ์โควิด-19 ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) ซึ่งทำให้นักวิทยาศาสตร์มองว่า ควรจะสุ่มตรวจผู้เดินทางทั่วโลกเพื่อติดตามความเปลี่ยนแปลงของไวรัส จะเป็นประโยชน์มากกว่า แม้ว่าสายพันธุ์ XBB.1.5 ที่ระบาดอยู่ในสหรัฐฯ จะไม่ได้เป็นสายพันธุ์ที่อันตรายร้ายแรงก็ตาม
ส่วนสถานการณ์ในจีน วันจันทร์ที่ผ่านมา จีนรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มขึ้นอีก 3 คน ทำให้ยอดสะสมผู้เสียชีวิตนับตั้งแต่โรคนี้เริ่มแพร่ระบาด มีทั้งสิ้น 5,253 คน
นอกจากนี้ มีรายงานว่าสื่อทางการจีนพยายามนำเสนอข้อมูลแบบลดทอนความรุนแรงของโรค โดยเมื่อวานนี้หนังสือพิมพ์ People's Daily ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน รายงานอ้างข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญจีนว่า โควิด-19 สำหรับคนส่วนมากจะก่อให้เกิดอาการเล็กน้อยเท่านั้น
ขณะที่ผู้ที่ป่วยรุนแรงและอาการวิกฤต มีเพียง 3-4% ของผู้ที่ติดเชื้อทั้งหมดที่เข้ารักษาตัวตามโรงพยาบาลในกรุงปักกิ่ง ส่วนโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเสฉวน พบว่า มีผู้ป่วย 46 คน เข้าห้องไอซียู ช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา หรือเท่ากับเพียง 1% ของผู้ติดเชื้อแสดงอาการ