วันนี้ (5 ม.ค.2565) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ เปิดหลักฐานเป็นภาพวงจรปิดในสถานบันเทิงจินหลิงอีกรอบ เรื่องเสพยาเกินขนาดหรือโอเวอร์โดส ที่จินหลิง ระบุเป็นเหตุการณ์ที่คนจีนเข้ามาเสพยาเกินขนาดจนต้อง แบกออกมาปฐมพยาบาลกันชุลมุน ซึ่งในวันนี้นายชูวิทย์นัดแถลงข่าวกับสื่อมวลชน ระบุจะเปิดพยานปากเอกที่พบการโอนเงินจากจีนเข้ามาในไทย หิ้วเป็นเงินสด ทีละ 20-30 ล้านบาท โดยพยานทุกคนนายชูวิทย์ ระบุว่า ได้นำไปให้ปากคำกับอัยการก่อนแล้ว
ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน ร่วมแถลงคืบหน้ากับคณะทำงานอัยการสูงสุด ระบุสำนวนคดีมีความคืบหน้าพยานหลักฐานเพียงพอดำเนินคดีกับนายตู้ห่าวและพวกได้
ส่วนกรณีที่ นายชูวิทย์ ปล่อยคลิปต่าง ๆ และออกมาวิพากษ์วิจารณ์ตำรวจเป็นระยะ กล่าวหาเกรงตำรวจทำสำนวนการสอบสวนอ่อนนั้น เพื่อความโปร่งใสและความชัดเจนกับประชาชนได้ออกคำสั่งให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน โดยมี พล.ต.อ. วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน และมีผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางและทีมงาน เป็นคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในทุกประเด็นเพื่อให้เกิดความกระจ่างต่อสังคมภายใน 15 วัน
ด้านนายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน ให้ความเห็นว่าคดีนี้ได้มีการรวมสำนวนเป็นสำนวนเดียวจาก 5 สำนวน เพราะว่าเป็นพฤติการณ์ในการร่วมกันกระทำความผิด
ส่วนการสอบสวนคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในกรอบระยะเวลาการฝากขังผู้ต้องหา ซึ่งจะมีการครบกำหนดฝากขังคนแรกเร็วที่สุด คือ ครบฝากขังครั้งที่ 6 ในวันที่ 8 ม.ค.นี้ และในการฝากขังครั้งที่ 7 คือ ภายในวันที่ 20 ม.ค. ส่วนสำนวนการสอบสวนจะนำเสนอให้กับอัยการสูงสุดก่อนครบกำหนดระยะเวลาฝากขัง เพื่อให้มีเวลาที่อัยการสูงสุดพิจารณาสำนวน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ผบ.ตร.มั่นใจหลักฐานเอาผิด "ตู้ห่าว" ส่งฟ้องศาลไม่เกิน 20 ม.ค.
ผบ.ตร.สั่ง บช.ก.ตรวจสอบเพิ่มกรณี "ชูวิทย์" เปิดภาพแฉบ่อนทุนจีนสีเทา