การเเข่งขันของธุรกิจในบ้านเรามีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ธุรกิจน้ำมันกำลังจะมีการปรับเปลี่ยนอีก หลัง "เอสโซ่" ที่ลงทุนในไทยเกือบ 60 ปี ได้ขายกิจการให้ "บางจาก" เเล้ว
เมื่อวันที่ 12 ม.ค.2566 มีรายงานว่า จากนี้ภายใน 2 ปี ปั๊มเอสโซ่ 700 แห่ง จะทยอยเปลี่ยนเป็นปั๊มบางจาก บางจากก็จะมีปั๊มเพิ่มเป็น 2,100 แห่ง
จากเดิมที่บางจากมีโรงกลั่นที่คลองเตยเพียงแห่งเดียว จากนี้โรงกลั่นเอสโซ่ศรีราชา ที่แหลมฉบัง จะกลายเป็นโรงกลั่นบางจากแห่งที่สอง กำลังการกลั่นรวมจึงเพิ่มเป็นกว่า 290,000 บาร์เรล/วัน
บางจากยังยืนยันว่าพนักงานของเอสโซ่ 2,000 คน
จะได้ทำงานเช่นเดิม ไม่มีการปลดออก
บางจากประเมินสัดส่วนปริมาณน้ำมันขายปลีกที่ปัจจุบัน OR เป็นเจ้าตลาดร้อยละ 39
PT เป็นอันดับสอง
บางจาก เป็นอันดับสาม
เมื่อบางจากรวมเอสโซ่ จะขยับขึ้นมาเป็นอันดับสอง หรือ สัดส่วนน้ำมันขายปลีกร้อยละ 29.1 น่าจะทำให้การแข่งขันกับเจ้าใหญ่เข้มข้นขึ้นมากกว่า
ผู้บริหาร PTG หรือ ปั๊ม PT ที่ปัจจุบันมีจำนวนปั๊มเป็นเบอร์ 2 ในไทย ให้มุมมองว่าปั๊มต่างชาติมีต้นทุนสูงกว่าผู้ประกอบการไทยอยู่แล้ว เมื่อธุรกิจขายปลีกน้ำมันกำไรน้อย เจอการแข่งขันดุเดือด บริษัทแม่จะมีนโยบายโยกย้ายการลงทุนออกไป ขณะที่ปั๊มไทยส่วนใหญ่ที่อยู่ได้เพราะกำไรจากธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน เช่น ร้านกาแฟ ค่าเช่าร้านในปั๊ม หรือธุรกิจอื่นไปเลย
กรณีนี้ยังอาจทำให้ภาครัฐเข้าใจอุตสาหกรรมน้ำมันมากขึ้น เพื่อดูแลค่าการตลาดอย่างเหมาะสม โดยจากนี้ บางจากต้องขอความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นในการประชุมสามัญประจำปีเดือนเมษายน จากนั้นต้องยื่นเรื่องขอความเห็นจากคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า ว่าไม่เป็นการผูกขาดตลาด ขณะเดียวกันต้องรอเงินกู้จากสถาบันการเงินที่จะทยอยชำระค่าหุ้นตั้งช่วงครึ่งหลังของปีเป็นต้นไป