การฉลองเทศกาลตรุษจีนในมอนเทอเรย์ พาร์ค กลายเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากชายชาวเอเชียวัย 72 ปี ก่อเหตุกราดยิงในสตูดิโอเต้นรำ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 คนและได้รับบาดเจ็บ 10 คน
เจ้าหน้าที่นำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาล หลังจากชายชาวเอเชียบุกเข้าไปก่อเหตุกราดยิงอย่างอุกอาจ โดยผู้ก่อเหตุวัย 72 ปี หลบหนีออกจากจุดเกิดเหตุและเดินทางมุ่งหน้าไปยังสตูดิโอเต้นรำแห่งที่ 2 ในเมืองอัลแฮมบรา ซึ่งการก่อเหตุในเป้าหมายแห่งที่ 2 ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะชาย 2 คนเข้ามาขัดขวางและแย่งปืนจากผู้ก่อเหตุได้
ข้อมูลจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น พบว่า ปืนกระบอกนี้คือโคเบรย์เอ็ม 11 แบบ 9 มิลลิเมตรกึ่งอัตโนมัติ
ผู้ก่อเหตุขับรถตู้หลบหนีออกมาจากเป้าหมายแห่งที่ 2 และไปจอดที่ลานจอดรถย่านใจกลางนครลอส แอนเจอลิส โดยเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษลงพื้นที่ควบคุมสถานการณ์ ก่อนที่จะได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจากในรถตู้ 1 นัด ขณะที่การตรวจสอบภายในรถพบร่างของผู้ก่อเหตุ บริเวณเบาะคนขับและร่องรอยการใช้ปืนในการทำร้ายร่างกายตัวเอง
มอนเทอเรย์ พาร์ค เป็นจุดหมายปลายทางของผู้อพยพย้ายถิ่นฐานจากจีนมานานหลายทศวรรษ นับตั้งแต่ปี 1980 การจัดงานฉลองเทศกาลตรุษจีน จัดเป็นประจำทุกปีและได้รับความนิยมจากประชาชนในตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย
การก่อเหตุในย่านชุมชนคนเอเชีย นำไปสู่การตั้งคำถามว่าเหตุการณ์นี้เข้าข่ายอาชญากรรมความเกลียดชังหรือไม่
ข้อมูลจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ในปี 2021 พบรายงานการก่ออาชญากรรมจากความเกลียดชัง 7,000 ครั้ง โดย 2 ใน 3 หรือมากกว่า 60% ของการก่ออาชญากรรมในรูปแบบนี้มีความเชื่อมโยงกับปัญหาการเหยียดเชื้อชาติ
ความรุนแรงจากอาวุธปืนยังคงเป็นปัญหาใหญ่ในสหรัฐฯ หลังจากเมื่อปี 2022 พบผู้เสียชีวิตสูงกว่า 44,000 คน สำหรับการก่อเหตุกราดยิง หรือ Mass Shooting ทำให้มีผู้เสียชีวิตตั้งแต่ 4 คนขึ้นไป เกิดขึ้นอย่างน้อย 647 ครั้ง
ส่วนเหตุกราดยิงในชุมชนคนเอเชียที่เมืองมอนเทอเรย์ พาร์ค ครั้งนี้ถือเป็นเหตุกราดยิงครั้งที่ 5 ของเดือน ม.ค. ซึ่ง คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประณามการก่อเหตุสลดท่ามกลางการเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลตรุษจีน
การใช้ความรุนแรงจากอาวุธปืนในครั้งนี้ ตอกย้ำถึงปัญหาการควบคุมปืนในระดับรัฐและระดับประเทศได้อย่างชัดเจน
วิเคราะห์โดย พงศธัช สุขพงษ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง