ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ไร้ข้อพิสูจน์ "ปลาเหล็ก-กระทะเหล็ก" ไม่เสริมธาตุเหล็กแก้โลหิตจาง

สังคม
25 ม.ค. 66
11:56
421
Logo Thai PBS
ไร้ข้อพิสูจน์ "ปลาเหล็ก-กระทะเหล็ก" ไม่เสริมธาตุเหล็กแก้โลหิตจาง
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
กรมอนามัย เตือนอย่าเชื่อข้อมูลโซเชียลอ้าง "ปลาเหล็ก-กระทะเหล็ก" ช่วยเพิ่มธาตุเหล็กจากการปรุงประกอบอาหาร อ้างป้องกันโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก ยันไม่มีผลพิสูจน์ ขณะที่แนะนำกินอาหาร พืชผัก ผลไม้ช่วยได้

กรณีการส่งต่อข้อมูลบนโลกออนไลน์ เกี่ยวกับปัญหาการขาดธาตุเหล็ก โดยอ้างมีข้อมูลงานวิจัย ที่ระบุว่าการนำปลาเหล็กลงไปร่วมปรุงประกอบอาหารเพื่อจะช่วยเพิ่มธาตุเหล็กในอาหาร

วันนี้ (25 ม.ค.2566) นพ.สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากข้อมูลเชิงวิชาการ พบว่าปลาเหล็กที่ได้รับการเตรียมตามสูตรดังกล่าว (Lucky Iron Fish) สามารถให้ธาตุเหล็กเมื่อต้มในน้ำเดือดได้จริง

แต่ผลจากการวิจัย ชี้ให้เห็นว่า การดูดซึมและการที่ร่างกายนำธาตุเหล็กไปใช้ น้อยมาก เมื่อเทียบกับการได้รับวิตามินเสริมธาตุเหล็ก Ferrous Sulfate จึงไม่พบการเพิ่มขึ้นของระดับเฟอร์ริติน ที่เป็นโปรตีนที่จับกับธาตุเหล็กในเม็ดเลือดแดง ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการขาดธาตุเหล็กหรือโรคโลหิตจางได้

ปลาเหล็ก จึงไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการป้องกันแก้ไขปัญหาโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก

กระทะเหล็กร้อนจัดอาจมีผลเสียได้

นพ.สราวุฒิ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้มีการส่งต่อข้อมูลการขายสินค้ากระทะเหล็ก ที่อวดอ้างสรรพคุณว่า มีธาตุเหล็กและช่วยเพิ่มธาตุเหล็กในอาหาร ถือเป็นการโฆษณาเกินจริง เพราะยังไม่มีงานวิจัยใดสามารถยืนยันได้

สาเหตุหลักที่ผู้ปรุงอาหารนิยมนำกระทะเหล็กมาใช้ปรุงประกอบอาหาร เพราะร้อนเร็ว ให้ความร้อนสูง ใช้เวลาในการปรุงอาหารน้อย และยังทำให้อาหารสูญเสียคุณค่าทางโภชนาการน้อยลง

แต่ข้อเท็จจริงคือ ความร้อนสูงที่ใช้ ในการปรุง จะทำให้อาหารไขมันสูงบางชนิด ก่อให้เกิดสารเคมีที่ไม่ดีต่อสุขภาพ หากไม่ระวังให้ดี การปรุงอาหารด้วยกระทะเหล็กอาจทำให้อาหารไหม้ได้ง่าย

ดังนั้น การปรุงอาหารด้วยกระทะเหล็กจะดีต่อสุขภาพหรือไม่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ โดยเฉพาะอาหารหรือวัตถุดิบที่ใช้ ปริมาณ และชนิดของน้ำมันที่ใช้ในการปรุงอาหารอีกด้วย

การขาดธาตุเหล็กส่วนใหญ่ มักจะเกิดกับผู้หญิง สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการมีประจำเดือน และในกลุ่มคนที่ไม่กินเนื้อสัตว์ รวมไปถึงหญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร ร่างกายต้องการธาตุเหล็กเพื่อนำมาสร้างเม็ดเลือดแดง

เช็กอาการขาดธาตุเหล็ก 

สำหรับผู้ที่มีอาการขาดธาตุเหล็ก คือ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ตัวซีด เปลือกตาด้านในซีด เจ็บป่วยง่าย เนื่องจากเลือดไม่มีธาตุเหล็กเพียงพอ ซึ่งนำไปสู่ภาวะโลหิตจาง

ข้อมูลจากการสำรวจด้านโภชนาการของเด็กในภูมิภาคเอเชีย ปี 2554–2555 พบว่าเด็กไทย อายุ 6 เดือน-12 ปี มีความชุกภาวะโลหิตจาง ร้อยละ 10.4 โดยพบความชุกในเขตชนบทสูงกว่าเขตเมืองถึง 2 เท่า

นอกจากนี้ จากรายงานสำรวจสุขภาพประชาชนไทย โดยการตรวจร่างกายครั้งที่ 5 พ.ศ.2556–2557 พบความชุกโลหิตจางในกลุ่มหญิงวัยเจริญพันธุ์ อายุ 15–45 ปี ร้อยละ 22.7 ส่วนข้อมูลจากระบบคลังสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ยังพบความชุกโลหิตจางในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ตั้งแต่ปี 2562-2564 พบร้อยละ 16.4, 15.1 และ 14.6 

กรมอนามัย เร่งแก้ไข ผลักดันนโยบายและรูปแบบการบริการต่างๆ เพื่อให้หญิงไทยได้รับการส่งเสริมภาวะโภชนาการป้องกันภาวะโลหิตจาง โดยตั้งแต่ปี 2562–2564 เด็กอายุ 6 เดือน–5 ปีได้รับยาน้ำเสริมธาตุเหล็ก ร้อยละ 47.28, 62.77 และ 70.57 และตั้งแต่ปี 2562-2564 เด็กอายุ 6-12 ปี ได้รับยาเม็ดเสริมธาตุเหล็ก ร้อยละ 43.20, 32.51 และ 30.02 

อาหารชนิดไหนมีธาตุเหล็กสูง 

นอกจากนี้ หญิงตั้งครรภ์ยังได้รับยาเม็ดเสริมไอโอดีน ธาตุเหล็ก และกรดโฟลิก ร้อยละ 75.89, 79.46 และ 80.61 รวมทั้งส่งเสริมพฤติกรรมการกินอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น เนื้อสัตว์ เลือด ตับ เครื่องในสัตว์ ไข่แดง ปลา เป็ด ไก่ และอาหารทะเล

ส่วนญพืช เช่น ซีเรียล ข้าวโอ๊ต จมูกข้าวสาลี แป้ง และถั่วเมล็ดแห้ง ผักใบเขียวเข้ม เช่น คะน้า ตำลึง ผักโขม ผักบุ้ง บรอกโคลี หน่อไม้ฝรั่ง เป็นต้น ผลไม้ที่เป็นแหล่ง ของวิตามินซี เช่น ส้ม ฝรั่ง มะละกอ สตรอว์เบอร์รี ส้มโอ กีวี  

ข่าวที่เกี่ยวข้อง