วันนี้ (30 ม.ค.2566) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดให้บริการรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าสาย 38 เส้นทางกลุ่มบริษัทไทย สมายล์ กรุ๊ป จะเปลี่ยนรถโดยสาร NGV มาเป็นรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า (EV บัส) 100%
สำหรับแผนการบรรจุรถลงในระบบปีที่แล้วเปิดให้บริการรถ EV บัสจำนวน 1,250 คัน รวม 77 เส้นทาง จากเส้นทางสัมปทานรวม 122 เส้นทาง ส่วนปีนี้มีแผนขยายการให้บริการเพิ่มขึ้นอีก 1,850 คัน ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในเดือน มิ.ย.นี้
ขสมก.เล็งเปลี่ยนรถโดยสาร EV ร้อยละ 10
ขณะที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ตั้งเป้าปีนี้จะมีรถโดยสาร EV จำนวน 250 คัน หรือร้อยละ 10 ของทั้งหมด 2,500 คันออกมาวิ่งให้บริการใน 107 เส้นทาง แต่ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง (TOR) กระทรวงคมนาคม ได้กำหนดเป้าหมาย ในภาพรวมว่า ขสมก.และผู้ประกอบการเอกชน ต้องดำเนินการปรับเปลี่ยนรถโดยสาร 5,000-7,000 คัน เป็นรถ EV บัส 100% ให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปี เพื่อรองรับการขับเคลื่อนประเทศไทยเข้าสู่ Net Zero ด้วยเทคโนโลยีสะอาด ทันสมัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตามนโยบายกระทรวงคมนาคมอย่างเป็นรูปธรรม
นายศักดิ์สยาม ยอมรับว่า HOP Card หรือบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ ใช้ในลักษณะเดียวกันกับระบบตั๋วร่วม หากเอกชนสามารถทำได้ แต่ระบบตั๋วร่วมคงไม่สามารถทำได้ทันในรัฐบาลชุดนี้
ยอมรับว่าการใช้ตั๋วร่วมยังติดปัญหา เพราะมีวิธีคิดแตกต่างกัน ยังไม่มีกฎหมายควบคุม และคงไม่ทันในสภาชุดนี้
น.ส.กุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของกลุ่มบริษัท ไทย สมายล์ กรุ๊ป กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างทำการเปลี่ยนรถโดยสาร NGV ของบริษัทสมาร์ท บัส ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงให้กลายเป็นรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า 100%
พร้อมทั้งจะยกเลิกการใช้ตั๋วแบบกระดาษ เปลี่ยนไปใช้ HOP Card สำหรับใช้ในโครงข่ายรถ และเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล เพื่อใช้จ่ายโดยสารตั้งแต่วันนี้