วันนี้ (1 ก.พ.2566) ศาลอาญาตลิ่งชัน อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลย 3 คน ตามศาลอุทธรณ์ในคดีที่พนักงานอัยการ โจทก์ และนางสมพิศ ตรัยจันแดง, นายบุญชูพลไธสง โจทก์ร่วมยื่นฟ้องนายชัยยุทธ เบ็ญจชาติ, นายสามารถ แสงสิน และนายภาณุเมศวร์ มีลา เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันซ่อนเร้นอำพรางศพ เนื่องจากศาลฯ เห็นว่าฎีกาของจำเลยทั้ง 3 ฟังไม่ขึ้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยพิพากษายืน
คดีนี้โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อเดือน พ.ย.-13 ธ.ค.2559 ต่อเนื่องกัน จำเลยทั้ง 3 คน ร่วมกันกับนายนิวัฒน์ สวยทอง, นายภูมิทัศน์ พิบูรณ์สวัสดิ์, น.ส.กรรณิการ์ กรุมรัมย์, พ.ต.อ.อำนวย พงษ์สวัสดิ์อดีต ผกก.สภ.บ้านโป่ง ราชบุรี และนายสนอง หรือหนองสมสิทธิ์ โดย พ.ต.อ.อำนวย และนายสนอง ร่วมกันจ้างวาน ยุยง ส่งเสริมให้จำเลยทั้ง 3 คน ร่วมกันกระทำผิดด้วยการข่มขืนใจบังคับเอาตัว น.ส.สุภัคสรณ์ พลไธสง หรือหญิง โดยบังคับให้ผู้เสียชีวิตเลิกติดต่อกับ น.ส.กรรณิการ์
ต่อมาจำเลยทั้ง 3 คน แบ่งหน้าที่กันนำตัวผู้เสียชีวิตไปหน่วงเหนี่ยวกักขังไว้ตามอาคารต่าง ๆ ใน จ.กาญจนบุรี ซึ่งผู้เสียชีวิตขัดขืนและทราบว่า จำเลยทั้ง 3 คนเป็นใคร จึงทำให้จำเลยต้องฆาตกรรมและอำพรางศพด้วยการนำไปฝังไว้ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งใน จ.กาญจบุรี
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้ง 3 คน กระทำความผิดตามฟ้องจริง ให้ลงโทษทุกกรรมฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังจำคุกคนละ 3ปี, ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งเป็นบทหนักสุดลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้ง 3 คน, ฐานซ่อนเร้นอำพรางศพจำคุกคนละ 1 ปี แต่เมื่อลงโทษทุกกระทงแล้ว คงลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้ง 3 คน สถานเดียวกับให้จำเลยร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 1,674,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค.2560 จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น
ขณะที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้บางส่วน แต่ความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พิพากษายืนลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้ง 3 คนสถานเดียว
ในส่วนคดีของอดีต ผกก.สภ.บ้านโป่ง กับพวกรวม 5 คน ศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิต นายนิวัฒน์ และนายภูมิทัศน์, ส่วน พ.ต.อ.อำนวย ให้จำคุก 15 ปี และให้จำคุกนายสนอง 10 ปี และศาลฯ ยกฟ้อง น.ส.กรรณิการ์ เนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ไม่เพียงพอ