เฉพาะช่วงไม่กี่เดือนนี้ มีอย่างน้อย 3 เหตุการณ์ ทั้งคดีตู้ห่าว, การบริการ VVIP นักท่องเที่ยวจีน และตบทรัพย์นักท่องเที่ยวไต้หวัน ทำให้ตำรวจต้องทำงานเชิงรุก เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับมา
ล่าสุด ตำรวจไปตรวจจับสถานบริการ อาบ อบ นวด ที่จะเปิดให้บริการเป็นระดับ Hi-end ย่านรัชดา ข้อมูลเบื้องต้นบอกว่ายังไม่เปิดแต่กลับพบว่าเปิดให้ใช้บริการแล้ว
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 20.30 น. ของวันที่ 3 ก.พ.2566 บันทึกโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สุทธิสาร ที่นำกำลังไปตรวจสอบ อาบ อบ นวด แห่งหนึ่ง ย่านรัชดาภิเษก 17 เขตดินแดง หลังมีสายรายงานว่ามีการลักลอบให้บริการโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งสถานบริการแห่งนี้เป็น 1 ใน 2 อาบ อบ นวด ที่เคยมีข่าวจะเปิดให้บริการในย่านถนนรัชดาภิเษก
ตำรวจไปเคาะห้องไม่มีเลขที่ ชั้น 2 พบว่าภายในห้องถูกตกแต่งหรูหรา เป็นห้องสูทระดับ VIP มีโต๊ะอาหาร ทีวีคาราโอเกะ เตียงนอนและอ่างอาบน้ำ แยกเป็นห้องย่อยๆ ภายในห้องไม่มีคน ไม่มีการจัดเลี้ยง แต่เมื่อเคาะเรียกละห้องก็พบชาย อายุประมาณ 40 ปี 1 คนเข้าไปใช้บริการ
เจ้าหน้าที่ตำรวจถามว่า ในเมื่อสถานที่นี้ยังไม่เปิดใช้บริการ แล้วเข้ามาใช้ได้อย่างไร ชายคนดังกล่าวบอกสั้นๆ ว่ามาเช่าห้องพักเฉยๆ และได้ยินเสียงผู้หญิงร้องอุทานเข้ามา ซึ่งเป็นหญิงสาวอายุ 25-30 ปี อยู่ในห้องด้วย ทันทีที่เห็นตำรวจก็เกิดอาการตกใจอาการหน้าถอดสี เจ้าหน้าที่จึงควบคุมทั้ง 2 คนดำเนินคดี
เหตุการณ์นี้ตำรวจยังจับกุมนายสมศักดิ์ อายุ 63 ปี และนายนัธทวัฒน์ อายุ 32 ปี ผู้ดูแล ข้อหาร่วมกันประกอบกิจการสถานบริการ (อาบ อบ นวด) โดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมของกลางบิลเงินสด จดรายการค่าอาหารและเครื่องดื่ม 1 เล่ม ตระกร้าใส่อุปกรณ์อาบน้ำ 1 ใบ และอุปกรณ์อาบน้ำ 1 ชุด และนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร
การบุกเข้าตรวจค้นของตำรวจ สน. สุทธิสาร มาจากคำสั่งของผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ต้นเรื่องมาจากกระแสข่าวว่าจะมีการเปิด อาบ อบ นวด 2 แห่งใหม่ ระดับ Hi-end ใน กทม. ย่านรัชดา-ห้วยขวาง จึงได้สั่งการให้ตำรวจตรวจสอบ
กระทั่งพบว่าสถานบริการแห่งนี้กำลังปรับปรุงและอยู่ระหว่างการตรวจสอบภายในว่าถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ เดิมสถานที่แห่งนี้ก็เป็นสถานบริการ อาบ อบ นวด มาก่อน แต่เมื่อเจ้าหน้าที่พบว่ามีการเปลี่ยนเจ้าของ แต่ไม่มีชื่อเจ้าของธุรกิจใหม่มาขออนุญาตประกอบกิจการ
ขณะที่ พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 เปิดเผยว่า ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา ไปทั้งหมด 2 คน คือ 1 ในกรรมการบริษัท และผู้ดูแลสถานบริการ ส่วนผู้มาใช้บริการและเด็กที่ให้บริการ พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำไว้เป็นพยาน แต่ตามหลักฐานยังไม่เข้าข่ายการลักลอบค้าประเวณี เพราะในขณะที่ไปตรวจสอบ พบว่าเป็นลักษณะของการนวดตัว จากนั้นจึงปล่อยตัวไป
จากการสอบปากคำ กรรมการบริษัท อ้างว่าเข้าใจผิดคิดว่า ถ้าซื้อตึกที่เดิมเป็นสถานบริการ อาบ อบ นวด มาก่อนแล้ว ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตซ้ำ เหมือนเป็นการซื้อใบอนุญาตมาด้วย สามารถประกอบกิจการได้เลย ซึ่งตำรวจได้ชี้แจ้งกลับไปว่าถ้าจะดำเนินกิจการต่อ ต้องไปแจ้งกับทางสำนักงานเขตให้ถูกต้องตามกฎหมายก่อน