วันนี้ (16 ก.พ.2566) นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัดรุนแรงจนมีกระทบต่อสุขภาพ เกิดจากสภาพอากาศ และจุดความร้อน (Hotspot) ภายในประเทศไม่ได้เกิดจากผลกระทบจากจุดความร้อนสะสมที่เกิดจากการเผาของประเทศในอนุภูมิภาคแม่โขง แม้ช่วงวันที่ 1 ม.ค.-14 ก.พ.นี้ จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 55 โดยเฉพาะเมียนมาเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 147
ภาคเหนือ เป็นปัจจัยมาจากสภาพอากาศภายในประเทศ ส่วนผลกระทบจากจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านต่อไทยมีไม่เกินร้อยละ 5 ของปริมาณฝุ่นที่เกิดขึ้น
อ่านข่าวเพิ่ม เริ่มวันแรกมาตรการ "ห้ามเผา" 6 จว.เหนือ "เชียงใหม่" มลพิษสูง
ปิด 8 อุทยานภาคเหนือสกัดไฟป่า-ฝุ่น
อธิบดีคพ.กล่าวว่า ขณะนี้ได้ยกระดับการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่น PM2.5 พื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ โดยจำเป็นต้องออกมาตรการภายในประเทศที่ชัดเจนมาควบคุม ด้วยการให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ประกาศปิดพื้นที่ป่าอนุรักษ์หรืออุทยานแห่งชาติที่มีจุดความร้อนสูงสุดและเสี่ยงเกิดไฟป่ารุนแรง 8 แห่งในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ
ยกเว้นส่วนที่ให้บริการการท่องเที่ยวที่มีความปลอดภัย เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่ควบคุมจุดความร้อนได้คล่องตัวมากขึ้น ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด คือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย อุทยานแห่งชาติผาแดง อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท อุทยานแห่งชาติออบหลวง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย อุทยานแห่งชาติแม่ปิง อุทยานแห่งชาติศรีน่าน และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น มีผลตั้งแต่วันนี้ (16 ก.พ.)
ส่วนพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติกรมป่าไม้ อยู่ระหว่างวิเคราะห์จุดที่มีความเสี่ยงสูงเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดขอเข้าควบคุมเส้นทางในพื้นที่มีความเสี่ยงสูง เพื่อควบคุมการเกิดจุดความร้อนและปฏิบัติการดับไฟป่าได้อย่างรวดเร็ว
ชี้จำนวนวันฝุ่นพิษเกินร้อยละ 72
เนื่องจากคาดการณ์การเติบโตของระบบเศรษฐกิจและการสะสมของเชื้อเพลิงช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พบมีพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 17 จังหวัดภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ไฟไหม้ซ้ำซากพบเกิดในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ 7 แห่ง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 6 แห่ง และวนอุทยานแห่งชาติ 2 แห่ง
พบจุดความร้อนวันนี้สูงถึง 793 จุด หรือร้อยละ 93.82 ส่วนใหญ่เกิดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าสงวนแห่งชาติ หรือพื้นที่ที่ใช้ประโยชน์ในเขตป่า โดยช่วงวันที่ 1 ม.ค.ถึงปัจจุบันพบสูงถึง 19,781 จุด
ทั้งนี้ จากการสำรวจพบช่วงวันที่ 1 ม.ค.-15 ก.พ.นี้ สถานการณ์ PM 2.5 และจุดความร้อนในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ มีแนวโน้มรุนแรงกว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจ ประกอบกับสภาพดินฟ้าอากาศที่จะมีอากาศปิด มีอากาศเย็น และแห้งมากขึ้น
ค่าเฉลี่ยปีนี้ PM 2.5 ช่วง 24 ชั่วโมงเพิ่มขึ้นร้อยละ 67 จำนวนวันที่เกินมาตรฐานเพิ่มขึ้นร้อยละ 72 และจำนวน Hotspot ใน 17 จังหวัดเพิ่มขึ้นร้อยละ 118 ภาพรวมคาดการณ์ฝุ่น PM 2.5 มีแนวโน้มรุนแรงไปจนถึงสิ้นเดือนก.พ.
สำหรับจุดความร้อนสะสมระหว่างวันที่ 1 ม.ค.-14 ก.พ.นี้ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 118 ส่วนใหญ่เกือบร้อยละ 70 เกิดในพื้นที่ป่า แบ่งเป็น ป่าอนุรักษ์ร้อยละ 50 และป่าสงวนแห่งชาติร้อยละ 50
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
"วราวุธ" การันตีนายกฯ ย้ายอธิบดีคดีสินบนเปิดทางสอบ
สั่ง "งดเผาทุกกรณี" 89 วันลดฝุ่นพิษถึง 30 เม.ย.ฝ่าฝืนโทษหนัก
