วันนี้ (23 ก.พ.2566) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) นำสำนวนคดีที่ยื่นฟ้อง บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด และนายพันธ์ธวัช หรือ นอท ผู้บริหารแพลตฟอร์ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลออนไลน์ “กองสลากพลัส” ในข้อหา ร่วมกันเสนอขายและจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคาที่กฎหมายกำหนด เมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่สำนักงานอัยการจังหวัดนนทุบรี
ล่าสุด วันที่ 24 ก.พ.นี้ อัยการจังหวัดนนทุบรี นัดให้นายพันธ์ธวัช มาฟังคำสั่งทางคดีว่าจะยื่นฟ้องคดีต่อที่ศาลหรือไม่ เนื่องจากนายพันธ์ธวัชได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวน แม้ว่าคดีนี้จะมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท โดยนายพันธ์ธวัช ให้เหตุผลว่า “ไม่ได้จำหน่ายสลากเกินราคา” พนักงานสอบสวนจึงต้องทำสำนวนส่งฟ้องต่ออัยการ และขึ้นสู่กระบวนการพิจารณาของศาลต่อไป หากอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องคดี
คดีนี้ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้แจ้งความดำเนินคดีกับแพลตฟอร์มกองสลากพลัส ว่าขายสลากเกินราคา รวมทั้งมีการดำเนินคดีกับแพลตฟอร์มอื่นๆ ด้วย ซึ่งตำรวจเข้าตรวจค้นที่ทำการและล่อซื้อสลาก 108 ฉบับ พบว่ามีการจำหน่ายเกินราคาจริง แต่ละครั้งราคาไม่เท่ากัน โดยบางฉบับมีการบวกเพิ่มราคาไปถึงใบละ 38 บาท พนักงานสอบสวนจึงได้แยกความผิดเป็น 8 คดี ในข้อหาเดียวกัน แต่เป็นการกระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระ
ส่วนอีกคดีคือ ความผิดตาม พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง เป็นสำนวนของ กก.2 บก.ปคบ. ที่กำลังรวบรวมพยานหลักฐานและเตรียมส่งฟ้องคดีต่อไป ซึ่งคดีนี้มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ดีเอสไอเรียก “แทนไท” ชี้แจงเส้นทางเงินกว่า 100 ล้าน
ก่อนหน้านี้ ศูนย์คดียาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบเส้นทางการเงินในคดีร่วมกันฟอกเงินของนายพันธ์ธวัช ร่วมกับบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง พบว่า มีการทำธุรกรรมรับเงินและโอนเงินในบัญชีธนาคารทั้ง 8 บัญชีต้องสงสัยที่ดีเอสไออายัดไว้ บางส่วนมีการทำธุรกรรมทางการเงินกับนายแทนไท ซึ่งเป็นเส้นทางการเงินที่ผิดปกติน่าสงสัย ดีเอสไอจึงออกหมายเรียกให้นายแทนไท เข้าชี้แจงกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะพยานในวันที่ 27 ก.พ.นี้ เพื่อชี้แจงจำนวนเงินกว่า 100 ล้านบาทที่รับโอนมาจากนายพันธ์ธวัช
สำหรับพฤติการณ์ที่ผิดปกติน่าสงสัยเกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงิน ระหว่างนายพันธ์ธวัชและนายแทนไท แหล่งข่าวระบุว่า ปปง. ตรวจสอบเส้นทางการเงินของทั้งคู่ ปรากฏว่าไม่พบเงินก้อนดังกล่าวออกจากบัญชีของนายแทนไท แต่กลับพบเงินก้อนดังกล่าวนี้เข้าบัญชีธนาคารออมทรัพย์ของนายพันธ์ธวัช โดยการฝากเงินผ่านเคาน์เตอร์ธนาคาร จากนั้นเงินก้อนนี้ถูกโอนออกไปยังบัญชีธนาคารของนายแทนไท ดีเอสไอจึงเห็นว่าลักษณะเช่นนี้เป็นการปิดบังอำพรางแหล่งที่มาของเงินหรือไม่ หรือร่วมกันสร้างเส้นทางการเงิน จึงต้องออกหมายเรียกให้นายแทนไทมาชี้แจงในฐานะพยาน
นอกจากนี้ ดีเอสไอได้รวบรวมพยานหลักฐานมาอย่างต่อเนื่อง จนพบว่าทั้งคู่ลงทุนทำธุรกิจร่วมกันมานาน โดยหลักฐานที่พบคือ สัญญาการร่วมทุนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลออนไลน์ เป็นต้น แต่กลับไม่เคยพบเส้นทางการเงินจากนายแทนไทเข้าไปหานายพันธ์ธวัช ซึ่งดีเอสไอได้ประสานขอเส้นทางการเงินกับธนาคาร ซึ่งคาดว่าต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร
อ่านข่าวอื่นๆ
ผบ.ตร.เอาผิด ตม.ปมเอื้อวีซาจีน ปัดออกความเห็นผิดนับร้อยนาย
ตำรวจ PCT เตรียมส่งหลักฐานดำเนินคดี “ผู้กำกับ พ.” โยงเว็บพนัน