เมื่อวันที่ 2 มี.ค.2566 ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ สำนักข่าว BBC รายงานผลการพิจารณาคดีของ "อเล็กซ์ เมอร์ดอจ" วัย 54 ปี อดีตทนายความชื่อดัง ทายาทตระกูลเก่าแก่ เจ้าของรุ่นที่ 4 บริษัทว่าความใหญ่ในสหรัฐฯ เป็นผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมภรรยาและลูกชายคนเล็กของตัวเองที่บ้านพักส่วนตัวบริเวณโลว์คันทรีในรัฐเซาท์แคโรไลนา สหรัฐฯ ซึ่งทำให้ เมอร์ดอจผู้เป็นพ่อ ต้องโทษจำคุก 30 ปีไม่รอลงอาญา
เกิดอะไรขึ้นในวันเกิดเหตุ
เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2564 อเล็กซ์ เมอร์ดอจ แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เขาพบศพของ แม็กกี้ เมอร์ดอจ ภรรยาวัย 52 ปี และ พอล เมอร์ดอจ ลูกชายคนที่ 2 วัย 22 ปี เสียชีวิตใกล้กับคอกสุนัขในที่ดินของครอบครัวเขาเอง และเขายืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของทั้ง 2 คน
แต่หลังจากผ่านไป 1 ปี อเล็กซ์ เมอร์ดอจ ถูกตั้งข้อหาเมื่อเดือนกรกฎาคม 2565 ในข้อหาฆาตกรรม 2 กระทง และอีก 2 กระทงในข้อหาครอบครองอาวุธขณะก่ออาชญากรรมรุนแรง
ในวันที่ 2 มี.ค.2566 อัยการของรัฐระบุว่า อเล็กซ์ เมอร์ดอจ ยิงทั้งคู่ในระยะประชิดด้วยปืนไรเฟิลและปืนลูกซอง และคณะลูกขุนตัดสินว่าเขามีความผิดในทุกข้อกล่าวหา ทำให้เขาต้องโทษจำคุก 30 ปีโดยไม่รอลงอาญา และอัยการเลือกที่จะไม่ลงโทษประหารชีวิตแก่เขา
บั๊บบ้า - พยานตัวสำคัญ
มีการเรียกพยานมากกว่า 60 ปากเพื่อให้การกับเจ้าหน้าที่ ภายใต้คำปฏิเสธของ อเล็กซ์ เมอร์ดอจ ที่อ้างว่าในวันเกิดเหตุ เขาไม่ได้อยู่ในที่คอกสุนัข (พื้นที่เกิดเหตุ) และไม่ได้อยู่กับครอบครัวของเขาในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ เขากำลังนอนหลับอยู่คนเดียวอยู่ในบ้านพัก
ภาพประกอบเหตุการณ์
ส่วนทางเจ้าหน้าที่สืบสวนก็ไม่พบอาวุธก่อเหตุในที่ก่อเหตุ แต่ทางอัยการอาศัยหลักฐานแวดล้อม เช่น ข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือและกระสุนปืนที่ตกในที่เกิดเหตุ รวมถึงคลิปวิดีโอความยาว 5 นาที ที่ พอล เมอร์ดอจ ลูกชายคนที่ 2 ของผู้ก่อเหตุได้บันทึกไว้ ซึ่งอัยการได้ใช้คลิปนี้เป็นหลักฐาน ยืนยันเอาผิดกับ อเล็กซ์ เมอร์ดอจ และทำให้เขารับสารภาพว่าก่อเหตุสะเทือนขวัญจนกลายเป็นคดีดังข้ามปีของสหรัฐฯ
ก่อนเกิดการสังหาร มีเสียงของ อเล็กซ์ เมอร์ดอจ ที่กำลังพูดคุย เล่นกับ "บั๊บบ้า" สุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ จากด้านหลังของ พอล เมอร์ดอจ ลูกชาย
ทนายความนักจัดฉาก
นอกจากการจัดฉากฆาตกรรมครอบครัวตัวเองแล้ว อเล็กซ์ เมอร์ดอจ กำลังถูกสอบสวนเพิ่มว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์การเสียชีวิตในปี 2561 ของ "กลอเรีย แซตเตอร์ฟิลด์" แม่บ้านประจำครอบครัวหรือไม่ หลังจากที่ครอบครัวเมอร์ดอจ ให้การกับตำรวจว่า แม่บ้านของพวกเขาเสียชีวิตจากการเดินสะดุดสุนัขและตกบันไดจนเสียชีวิต
จากนั้น อเล็กซ์ เมอร์ดอจ ยังสนับสนุนให้ลูกๆ ของเธอฟ้องบริษัทประกันของตระกูลเมอร์ดอจ ให้จ่ายเงิน 4.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 150 ล้านบาท) แต่ทางครอบครัวแซตเตอร์ฟิลด์ ไม่เคยได้รับเงินค่าประกันแม้แต่น้อยเลย และสุดท้าย อเล็กซ์ เมอร์ดอจ ยอมรับว่าเขาเก็บไว้ทั้งหมดเอง ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรื้อคดีนี้อีกครั้ง
นอกจากนั้น ยังพบว่า อเล็กซ์ เมอร์ดอจ ได้เคยว่าจ้าง "เอ็ดดี้ สมิธ" คนจัดสวนของครอบครัว ให้จัดหาซื้อยาเสพติดให้ตนเองเป็นประจำ โดยเขาอ้างต่อศาลว่า เขาจำเป็นต้องใช้มันเพื่อลดความเครียด และส่งผลให้เขามีอาการหวาดระแวงต่อสิ่งรอบข้าง
แต่มากไปกว่านั้น ในเดือนกันยายน 2564 เมื่อ อเล็กซ์ เมอร์ดอจ วางแผนจัดฉากฆาตกรรมตัวเองโดยทำให้เป็นอุบัติเหตุเสมือนว่าตนเองถูกยิงโดย เอ็ดดี้ สมิธ ที่ยิงเขาที่ด้านหลังศีรษะ เพื่อให้เงินประกันทั้งหมดไปตกอยู่กับลูกชายคนแรก "บัสเตอร์ เมอร์ดอจ" วัย 26 ปี แต่สุดท้ายแผนการนี้ก็ไม่เกิดขึ้นจริงโดยไม่มีการระบุถึงสาเหตุของการจัดฉากฆาตกรรมที่ล้มเหลวครั้งนี้
แรงจูงใจก่อเหตุคือเงิน
มีการแสดงหลักฐานการยักยอกเงินของ อเล็กซ์ เมอร์ดอจ ต่อศาล พบว่าในปี 2562 เพียงปีเดียว อเล็กซ์ เมอร์ดอจ ยักยอกเงินจำนวนมากจากลูกค้าและเพื่อนร่วมงาน รวม 3.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 130 ล้านบาท) ซึ่งผู้ต้องหารับสารภาพและอ้างว่าไม่เกี่ยวข้องกับข้อหาฆาตกรรม แต่ทางอัยการโต้แย้งว่าเป็นอาชญากรรมเหล่านี้คือสิ่งผลักดันให้ไปสู่การฆาตกรรม ประกอบกับเหตุการณ์ในอดีตทั้งคดีการเสียชีวิตของแม่บ้านและการไหว้วานคนจัดสวนให้ร่วมกันก่อเหตุ
สิ่งที่เหลืออยู่สำหรับบัสเตอร์
"บัสเตอร์ เมอร์ดอจ" ถูกวางตัวเป็นทายาทรุ่นที่ 5 ของการสืบทอดธุรกิจบริษัทว่าความของตระกูลเมอร์ดอจ ทุกครั้งที่ เมอร์ดอจผู้เป็นพ่อต้องเข้าฟังการพิจารณาคดี ตลอด 20 เดือนหลังการสูญเสียแม่และน้องชายคนเล็ก บัสเตอร์จะเดินทางไปพร้อมพ่อของเขาทุกครั้ง และเขายังเป็นพยานปากเอกยืนยันความบริสุทธิ์ของพ่ออีกด้วย
แต่หลังจากการพิจารณาคดีสิ้นสุดลง BBC บรรยายว่า เขาเป็นเหมือนความรักที่ "ถูกทำลาย" จากการฆาตกรรมของแม็กกี้และพอลและตอนนี้ บัสเตอร์ ก็ไม่เหลือใครแล้ว หลังจากที่ อเล็กซ์ เมอร์ดอจ ต้องใช้ชีวิตที่เหลือภายในเรือนจำ
ที่มา : BBC
อ่านข่าวต่างประเทศเพิ่ม :
"สหรัฐฯ" จับชาย 40 ปี ซุกระเบิดในกระเป๋าเตรียมโหลดขึ้นเครื่องบิน