วันนี้ (3 มี.ค.2566) นายชุมพล กาญจนะ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอส ถึงปัญหาภายในพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนย้ายออกมา โดยยอมรับว่าในพรรคประชาธิปัตย์มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายต่างคนต่างอยู่ คนมาใหม่ไม่กี่วันก็มาเป็นใหญ่ อย่างที่รู้ ๆ กัน ซึ่งยังห่วงใย และฟังมาจากลูกสาวที่อยู่ในพรรค
รวมถึง ที่ผ่านมาได้เคยสนทนาเรื่องในพรรคด้วยความห่วงใยกับนายชวน หลีกภัย แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ และส่วนตัวจะเลิกเล่นการเมืองเพราะเบื่อหน่าย ไม่คิดย้ายพรรคไหน นายชวนก็บอกให้อดทน และเมื่อคุยกันเรื่องการเมือง ว่าการเมืองไปไกลมากมีการทาบทามติดต่อหลายพรรคหลายฝ่าย มีการให้เงินให้ทองกันเท่านั้นเท่านี้
บังเอิญหลังจากนั้น ตอนตนป่วยนายชวนไปเยี่ยม และพูดกันถึงเรื่องนี้อีก นายชวนก็ไปพูดต่อว่าการเมืองเป็นเช่นนี้ เหมือนนำ 2 เรื่องมาเป็นเรื่องเดียวกัน จึงเข้าใจผิดว่าได้เงินมา ซึ่งยืนยันว่า ไม่ได้รับเงินแน่นอน อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ก็มีแต่ให้ ไม่เคยได้อะไรจากพรรคแม้แต่น้อย พวกที่เป็นรัฐบาลอยู่ ถือว่ากินบุญจากพวกตนด้วย เพราะเมื่อการเลือกตั้งปี 2562 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ช่วยอย่างเต็มที่ ทั้งนี้เชื่อว่านายชวนไม่มีเจตนาว่าตน แต่เอา 2 เรื่องมารวมกัน พูดเป็นเรื่องเดียวกัน
นายชุมพล กล่าวว่า ส่วนตัวยังไม่ได้มีโอกาสพูดคุยหรือโทรหานายชวน แต่เมื่อคืนนี้ นายชวนฝากให้คนสนิทโทรมาหาตน บอกว่า ยังรักกันนับถือกันเหมือนเดิมท่านไม่มีเจตนาเช่นนั้น และเข้าใจเหมือนเดิม
ส่วนตัวไม่ได้กลัวว่าคุณชวนคิดเช่นนั้น แต่กลัวคนอื่นเข้าใจไปในทางที่ไม่ดี หรือ รับเงิน เพราะเป็นเรื่องบาปกรรม พร้อมย้ำว่า ยังนับถือนายชวนเหมือนพ่อ เหมือนพี่ ที่อยู่กันมาหลายสิบปี
นายชุมพล ย้ำว่า ไม่มีตัวเลข 200 ล้านบาท แลกกับหากกวาด ส.ส.ได้ทั้งจังหวัด มีแต่ช่วยกันเพราะลูกสาวตนมาอยู่ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ และส่วนตัวตนไม่เคยมีประวัติเช่นนั้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯชวนมาเป็นที่ปรึกษามาช่วยบ้านเมือง ไม่ใช่ช่วยตัวเองไม่มีให้เงิน ค่าเดินทางกับค่าตั๋วส่วนตัวยังจ่ายเอง และส่วนตัวเห็นว่านายกฯ เป็นคนซื่อสัตย์ เป็นคนดี ดังนั้น ใครเป็นผู้นำซื่อสัตย์ ตนก็จะไปอยู่ตรงนั้น
เมื่อถามถึงปัญหาในพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคไป มีความขัดแย้งแตกแยกมีการแบ่งกลุ่มในพรรคเกิดขึ้น นายชุมพล ยอมรับว่า เป็นความจริงที่ผู้ใหญ่ในพรรคก็มองเช่นนั้นว่า นายอภิสิทธิ์ตัดสินใจไวไป ไม่ได้ปรึกษาหารือกัน
แต่ก็เข้าใจในการตัดสินใจหลังจากนั้นในพรรคมีการแตกแยกมากจริง นายชวนก็รู้ดี และเชื่อว่า พยายามแล้ว ซึ่งนายชวนมีหลักการคือ อย่างไรก็ตามต้องให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อยู่เป็นหัวหน้าพรรคจนครบวาระ
นายชุมพล ยังกล่าวว่า ในพรรคประชาธิปัตย์ ขนานนามว่า ตนเป็นนักประนีประนอมมีเพื่อนมาก เป็นประธาน ส.ส.ของพรรค ไม่มีความขัดแย้ง เพราะประสานให้เรียบร้อย แต่วันนี้ไปไกลมาก ต่างคนต่างอยู่ พรรคดี แต่คนในฝ่ายบริหาร แก่งแย่งกัน
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์จะไปไหวหรือไม่ในสนามเลือกตั้งครั้งนี้ นายชุมพลไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ เพราะการเมืองต้องระวังเป็นโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง คนที่เคยรักกัน บางทีอาจพูดจาผิดพลาดกระทบกระทั่งกัน แต่เชื่อว่าตนอ่านไม่ผิดคือนายชวนยังรักนับถือตนเหมือนเคย