วันนี้ (9 มี.ค.2566) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เข้าตรวจรับสำนวนคดีตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เอื้อประโยชน์ออกวีซ่าทุนจีนด้วยตัวเอง พร้อมเปิดเผยว่า สำนวนคดีมีผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 116 นาย แบ่งออกเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จำนวน 107 นาย ในจำนวนนี้มี นายพล อยู่ด้วย 3 นาย โดยมีพฤติกรรมคดีกระทำต่างกรรมต่างวาระ รวม 8,000 กรรม ด้วยกัน
ส่วนอีก 9 นาย ฟ้องในฐานความผิดเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งตรวจสอบเส้นทางการเงินพบความเชื่อมโยงเอาผิดได้ 9 นาย ในขณะนี้สอบปากคำพยานไปแล้วกว่า 400 ปาก แต่ในสวนของผู้ต้องหาที่ไม่ได้มีการสอบปากคำ เป็นอำนาจของพนักงานสอบสวนที่สามารถทำได้ หากเห็นว่าหลักฐานและพยานมีน้ำหนักเพียงพอที่จะดำเนินคดีในความผิด ไปผู้ถูกกล่าวหาสามารถชี้แจงในชั้นไต่สวนของ ป.ป.ช. ได้ โดยพยานหลักฐานต่าง ๆ ในคดีทั้งหมดที่จะส่งมอบให้ ป.ป.ช. ในวันนี้ มีมากกว่า 40 ลัง สำนวนคดีมากกกว่า 100,000 แผ่น
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังระบุถึง นายพลที่ถูกดำเนินคดีและเป็นเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนในร้อยตำรวจด้วยว่า แม้จะเป็นเพื่อนร่วมรุ่น แต่หากทำผิดก็ต้องดำเนินคดี รวมทั้งนายตำรวจที่เกษียณอายุราชการไปแล้วก็จะมีขั้นตอนในการดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นเดียวกัน
ส่วนกรณีที่มีตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ส่งเรื่องร้องเรียนไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า ตัวเองปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการสอบสวนถือว่า เป็นสิทธิ์ที่ผู้ร้องเรียนสามารถกระทำการได้ เนื่องจากเป็นการตรวจสอบในทุกมิติของกระบวนการทำงาน ยินดีที่จะให้มีการตรวจสอบเพื่อความโปร่งใสกับทุกฝ่าย
พร้อมยืนยันว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องปฏิรูปการทำงานของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพราะเป็นด่านหน้าของประเทศ ที่มีหน้าที่คัดกรองผู้คนเข้าสู่ประเทศ หากทำงานดีมีประสิทธิภาพก็จะสามารถลดปัญหาอาชญากรรมลงได้
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การสืบสวนขยายผลจากคดีนี้ ได้เครือข่ายในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ พบมีกลุ่มคนจีนเข้ากว้านซื้อหมู่บ้านจัดสรรหลายแห่ง พบอย่างน้อย 4- 5 โครงการ โดยเป็นการซื้อเหมาทั้งโครงการไปจนถึงการพยายามที่จะซื้อโรงเรียนเอกชนและว่าจ้างคนไทยในกลุ่มอาชีพหัตถการงานฝีมือด้านต่าง ๆ ไป ว่าจ้างทำผลิตภัณฑ์ เพื่อส่งออกจำหน่ายไปยังประเทศจีน