บทวิเคราะห์ : กลุ่มสามมิตรยังแทงกั๊ก อนาคตยังไม่ตัดสินใจ

การเมือง
9 มี.ค. 66
14:51
1,211
Logo Thai PBS
บทวิเคราะห์ : กลุ่มสามมิตรยังแทงกั๊ก อนาคตยังไม่ตัดสินใจ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ยังคงแทงกั๊ก สำหรับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะแกนนำกลุ่มสามมิตร ยังไม่บอกว่าจะยังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐต่อไปหรือไม่ แต่โบ้ยให้ถามนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม แกนนำสำคัญอีกคนของกลุ่มสามมิตร

แม้ว่าเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 66 นายสุริยะเพิ่งให้สัมภาษณ์สื่อ ยืนยันว่า ยังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ พร้อมกับนายสมศักดิ์ ไปไหนต้องไปด้วยกัน และได้ยืนยันเรื่องนี้กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคไปแล้ว

แต่ที่ชัดเจน คือยอมรับว่าถนัดเป็นฝ่ายรัฐบาลมากกว่าฝ่ายค้าน และในระหว่างตนเป็น ส.ส. ไม่เคยเป็นฝ่ายค้านเลย นับตั้งแต่นายสมศักดิ์ ลงสมัครสนามใหญ่ และได้เป็น ส.ส.ครั้งแรก ปี 46 ถือเป็นหนึ่งในศิษย์ระดับแถวหน้าของนายมนตรี พงษ์พานิช อดีตหัวหน้าพรรคกิจสังคม

นับถึงขณะนี้ โลดแล่นอยู่บนเวทีการเมืองมา 40 ปีแล้ว เป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง เรื่องประสบการณ์และความเก๋าเกมทางการเมืองจึงไม่เป็นสองรองใคร

แม้ในช่วงที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง เนื่องจากพรรคไทยรักไทยที่เขาเป็นกรรมการบริหารพรรคด้วยถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค แต่ก็ยังคงมีบทบาททางการเมืองนอกสภา ในฐานะแกนนำกลุ่ม 8 ส. ที่ประกอบไปด้วยนักการเมืองระดับบิ๊กเนม มีชื่อขึ้นต้นด้วย ส.เสือ อาทิ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นายสนธยา คุณปลื้ม

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาไม่ต้องรีบร้อน ว่าจะเดินหน้าต่อบนเวทีการเมืองอย่างไร เพราะเชื่อว่าเขาจะลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ จ่อคิวเป็นรัฐมนตรี จึงไม่จำเป็นต้องเร่งตัดสินใจเหมือนการลงสมัครส.ส.เขต หากล่าช้าอาจเปิดปัญหาทับซ้อนพื้นที่กับผู้สมัครคนอื่นได้

เมื่อฟังจากคำพูดที่บอกว่า ถนัดเป็นรัฐบาลมากกว่าฝ่ายค้าน พรรคที่เขาจะเลือกจึงต้องเป็นพรรคการเมืองใหญ่ และมีโอกาสร่วมตั้งรัฐบาล ที่เหมาะสำหรับนายสมศักดิ์ น่าจะมีเพียง 2 พรรคการเมือง คือไปต่อกับพรรคพลังประชารัฐ ยุคสมัย “บิ๊กป้อม” มีอำนาจเต็ม

ซึ่งต่างจากเลือกตั้งปี 62 ที่คนทุบโต๊ะตัดสินใจคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้เก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ ที่เขาหมายมั่นปั้นมือแต่แรก ต้องหลุดลอยไปให้พรรคร่วมรัฐบาล

แม้เขาจะเป็นประธานยุทธศาสตร์ของพรรค และ พล.อ.ประวิตร มอบหมายบทบาทสำคัญให้คุมและดูแลพื้นที่ภาคใต้ของพลังประชารัฐด้วย แต่การกลับมาของ ร.อ.ธรรมมนัส พรหมเผ่า ที่เขาเคยอ้างว่า เป็นข้อมูลใหม่ จะทำให้ยังมีความสุขดีเหมือนเดิมหรือไม่

ขณะที่ ร.อ.ธรรมมนัสในช่วงที่ผ่านมา ก็พยายามขยายบารมีไปยังกลุ่ม ส.ส.ภาคใต้เช่นกัน อย่างไรก็ดี ยังมี ส.ส.กลุ่มสามมิตรบางส่วน ยังปักหลักอยู่ที่พรรคพลังประชารัฐ คอยเป็นกองหนุนให้

คือหนึ่งพรรค คือพรรคเพื่อไทย ที่นายสมศักดิ์ร่วมงานมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย ส่งผู้สมัครส.ส.ครั้งแรก ปี 44 นายสมศักดิ์ เคยเป็นหัวหน้ากลุ่มวังน้ำยมที่มีบทบาทสูงในสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร และเมื่อจับมือเป็นพันธมิตรกับกลุ่มวังบัวบานของ “เจ๊แดง” นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ยิ่งทำให้อำนาจการต่อรองทางการเมืองสูงมาก และครั้งนี้ “เจ๊แดง” ก็กำลังเปล่งบารมีในพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง ในยุคเป้าหมาย “แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน”

ปัญหาการกลับไปพรรคเพื่อไทยของนายสมศักดิ์ อยู่ที่ระดับแกนนำ และนักการเมือง “บิ๊กเนม”ตั้งแต่ยุคสมัยไทยรักไทย กลับถิ่นเก่าไปรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีจะเกิดปัญหา “คนมีมากกว่าเก้าอี้” แน่นอน อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องคิดหนัก คือพรรคเพื่อไทยอาจชนะเลือกตั้ง แต่จะได้ตั้งรัฐบาลหรือไม่ ยังไม่มีใครรับประกัน

การเมืองในยุคสมัยที่ไม่มีอะไรแน่นอน อาจเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวทางการเมืองเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้นักการเองใหญ่จากซุ้มศรีสำโรง จ.สุโขทัย ไม่กล้าผลีผลาม

วิเคราะห์โดย : ประจักษ์ มะวงศ์สา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง