วันนี้ (16 มี.ค.2566) ผู้เลี้ยงไก่ไข่ 4 สหกรณ์ ได้แก่ สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่แปดริ้ว จำกัด, สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ชลบุรี จำกัด, สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่เชียงใหม่-ลำพูน จำกัด และสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ลุ่มน้ำน้อย จำกัด แจ้งราคาแนะนำ "ไข่ไก่คละหน้าฟาร์ม" ปรับราคาขึ้นมาอยู่ที่ฟองละ 3.40 บาท จากเดิม 3.20 บาท หากเป็นไข่ไก่ทุกเบอร์ขึ้นแผงละ 6 บาท ซึ่งถือเป็นข่าวดีของผู้เลี้ยงไก่ไข่ในรอบ 1 เดือน
ทีมข่าวไทยพีบีเอส ลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศการจับจ่ายสินค้าบริเวณตลาดสดห้วยขวาง โดยผู้ค้าไข่ไก่รายย่อย ระบุว่า จำเป็นต้องปรับขึ้นราคาไข่ตามต้นทุนที่รับมาจากหน้าฟาร์มและได้แจ้งลูกค้าให้ทราบแล้ว แต่ยอมรับว่ารู้สึกเห็นใจผู้บริโภคที่ต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่ผู้บริโภคหลายคนยังคงพูดถึงผลกระทบเรื่องค่าครองชีพไม่สอดคล้องกับราคาสินค้า โดยผู้บริโภคคนหนึ่งสะท้อนปัญหาราคาไข่ไก่ที่ปรับขึ้นกระทบต่อค่าครองชีพ แต่ก็ยังต้องซื้อ เพราะเป็นสินค้าที่คนทุกกลุ่มเข้าถึงง่าย เนื่องจากราคาถูกกว่าสินค้าอื่นๆ ส่วนการที่ภาครัฐผลักดันให้เกิดการส่งออกต่างประเทศก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่ควรทำให้กระทบผู้บริโภคในประเทศ
ด้านสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่ กล่าวว่า การปรับขึ้นราคาไข่ไก่ครั้งนี้สอดคล้องกับต้นทุนการผลิต เพราะราคาอาหารสัตว์ปรับสูงขึ้นต่อเนื่องมาโดยตลอด ดังนั้นจึงอาจมีแนวโน้มปรับราคาขึ้นอีก เพราะเริ่มส่งออกต่างประเทศได้มากขึ้น ซึ่งผู้เลี้ยงปรับตัวเพิ่มจำนวนการผลิตเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการส่งออกและไม่กระทบการบริโภคในประเทศ ส่วนข้อกังวลไข่ขาดตลาดในช่วงเปิดเทอมนั้น ผู้เลี้ยงได้เพิ่มจำนวนแม่ไก่ยืนกรงเข้าสู่ระบบ เพื่อให้มีปริมาณเพียงพอกับความต้องการ
สำหรับภาพรวมของสถานการณ์ไข่ไก่ กรมปศุสัตว์ แจ้งว่า ปัจจุบันประเทศไทยสามารถผลิตไข่ไก่ได้ 43 ล้านฟองต่อวัน ผลผลิตไข่ไก่ที่บริโภคในประเทศประมาณ 41 ล้านฟองต่อวัน หากรวมการส่งออกไข่ไก่ไปสิงคโปร์และฮ่องกง อยู่ราว 42 ล้านฟอง หรือไม่เกิน 43 ล้านฟอง
ล่าสุด กรมปศุสัตว์สามารถเปิดตลาดใหม่ได้คือ ไต้หวัน ทำให้เกษตรกรมีตลาดรองรับเพิ่มขึ้น โดยไต้หวันมีการบริโภควันละ 20 ล้านฟอง คาดการณ์ว่าจะส่งออกได้วันละ 500,000 ฟองถึงปลายปี 2566 พร้อมยืนยันว่าจะไม่ทำให้ไข่ไก่ในประเทศขาดแคลนและยังมีเหลือเพียงพอต่อการบริโภคในประเทศ
อ่านข่าวอื่นๆ
ลงทะเบียนรับสิทธิ "ค่าน้ำ-ค่าไฟ" ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ