ก่อนหน้านี้มีความพยายามของ ส.ส.ในสภา ที่จะไม่ให้คิดดอกเบี้ยและค่าปรับกรณีผิดนัดชำระแต่ในที่สุดร่างที่ประกาศใช้เป็นร่างที่ทางวุฒิสภาปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) ปี 2566 ที่มีผลบังคับใช้คิดดอกเบี้ยไม่เกิน 1 % ต่อปี เท่านั้น
ส่วนเบี้ยปรับกรณีผิดนัดชำระลดจาก 7.5 % เหลือ 0.5 % ต่อปี ไม่ต้องมีผู้ค้ำประกันในทุกกรณี และยังปรับลำดับการตัดชำระหนี้ใหม่ ซึ่งกำหนดให้นำเงินที่ผู้กู้ยืมเงินชำระไปหักต้นเงินเฉพาะส่วนที่ครบกำหนด ดอกเบี้ย หรือประโยชน์อื่นใด และเงินเพิ่มตามลำดับ
นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการ กยศ.ระบุว่า กองทุนอยู่ระหว่างปรับปรุงระบบการตัดชําระหนี้เพื่อให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เมื่อระบบเสร็จสมบูรณ์จะนำยอดรับชำระเงินทุกรายการตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค.2566 มาใช้
ขณะเดียวกันยังช่วย ผู้กู้ยืมเงินที่อยู่ระหว่างดำเนินคดีหรืออยู่ระหว่างการบังคับคดีให้สามารถผ่อนผันการชำระเงินคืน ปรับโครงสร้างหนี้ หรือแปลงหนี้ใหม่ ตามเงื่อนไข และขยายโอกาสให้แก่นักเรียน นักศึกษา และประชาชนให้เข้าถึงการศึกษาที่หลากหลายในหลักสูตรระยะสั้นเพื่อ Reskill Upskill ครอบคลุมหลักสูตรอาชีพ
ในส่วนของการให้กู้ยืมในปีการศึกษา 2566 กองทุนได้จัดเตรียมวงเงินกู้ยืมกว่า 40,000 ล้านบาท สำหรับนักเรียน นักศึกษากว่า 600,000 คน