วันนี้ (9 เม.ย.2566) นางรักชนก แพน้อย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ กล่าวว่า สถิตินักท่องเที่ยวในช่วงเดือนเม.ย.ปีนี้ เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2565 พบมีรายได้เพิ่มกว่า 2-3 เท่า ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวยุโรป และรัสเซีย ขณะที่ในช่วงวันหยุดสัดส่วนนักท่องเที่ยวชาวไทยจะเพิ่มมากขึ้น
โดยคาดว่าช่วงสงกรานต์ จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะวันที่ 14 เม.ย.นี้ จึงเตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ในการดูแลแล้ว
การขายตั๋วผ่านระบบอีทิกเก็ตเพิ่มขึ้น จากเดิมอยู่ที่ 4% เพิ่มเป็น 20-30 % เฉลี่ยรายได้วันละ 1 ล้านบาท และภาพรวมตั้งแต่วันที่ 1 ค.ค.65-ปัจจุบัน เก็บรายได้ส่งให้กรมอุทยานฯ แล้ว 137 ล้านบาท
ทั้งนี้ นอกจากนี้ยังมีปัญหาการซื้อตั๋วผ่านระบบอีทิกเก็ต กรณีที่นักท่องเที่ยวซื้อตั๋วมาแล้ว แต่เมื่อมาแสดงที่จุดตรวจไม่สามารถดูได้ เพราะมีปัญหาด้านสัญญาณโทรศัพท์ ซึ่งจะมีการปรับปรุงให้ดีขึ้น รวมถึงยังมีส่วนของการจัดเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษที่ระบบอีทิกเก็ต ยังไม่รองรับการเดินทางต่อไปยัง เกาะไผ่ และเกาะพีพีดอน ซึ่งยังต้องใช้ระบบการซื้อตั๋วแบบเดิมต่อไป
กรณีที่ยังใช้ระบบการจำหน่ายตั๋วแบบเดิม จะแบ่งหน้าที่ในการจำหน่ายตั๋ว ตรวจสอบนับยอดตั๋ว ออกจากกันจากนั้นจะมาตรวจเช็กทุกวันเพื่อความถูกต้อง และป้องกันปัญหาการทุจริตด้วย
ผู้ประกอบการชี้ปัญหาใช้ระบบอีทิกเก็ต
ขณะทึ่นายอานนท์ ปินไชย ผู้ประกอบการบริษัท เลิฟอันดามัน จำกัด กล่าวว่า จากการใช้ระบบอีทิกเก็ต พบว่ามีปัญหากรณีการขอคืนเงิน เมื่อลูกค้ายกเลิกการมาท่องเที่ยว ซึ่งการขอคืนเงินจะต้องรอการพิจารณาจากกรมอุทยานฯ ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนาน ทางบริษัท จึงต้องจ่ายเงินในส่งนึ้คืนให้กับลูกค้าก่อน
รวมถึงการแก้ไขรายชื่อหากต้องการแก้ไขจะต้องแก้ไขกรอกข้อมูลใหม่ทั้งหมด ซึ่งทำให้เสียเวลาในการซื้อตั๋ว
ขณะที่ผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวซีสตาร์ ระบุว่า การซื้อตั๋วผ่านระบบอีทิกเก็ตนั้นจะอาจติดขัดในกรณีที่ซื้อตั๋วระบบไอโอเอส รวมถึงมีข้อกังวลเรื่องข้อมูลส่วนตัวที่อาจจะกรอกมากเกินไปเช่นเลขพาสปอร์ต
ขณะที่ตัวแทนผู้ประกอบการเรือหางยาว ระบุว่า ส่วนใหญ่ผู้ประกอบการเรือหางยาว จะให้บริการลูกค้าจะไม่ได้จองล่วงหน้า และมักจะมาติดต่อเพื่อใช้บริการทันที จึงทำให้มีปัญหาในการซื้อตั้วผ่านระบบพอสมควรโดยเฉพาะกรณีลูกชาวต่างชาติ
ตั้งเป้า 2 ปีใช้อีทิกเก็ตทุกแห่งแก้ทุจริต
นายอรรถพล เจริญชันษา รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า หลังจากเดินหน้าการจัดเก็บรายได้ ผ่านระบบอีทิกเก็ตในพื้นที่แห่งชาตินำร่อง 6 แห่ง แม้ว่าอาจยังมีอัตราส่วนการใช้อีทิกเก็ตไม่มากนัก แต่จะพยายามให้เพิ่มให้มากขึ้น ตามสัญญาที่ให้ไว้กับ ป.ป.ช.ที่จะใช้ระบบอีทิกเก็ตให้ได้ 100 % ภายใน 2 ปี และปัญหาให้ที่พบหรือได้รับการแจ้งเข้ามาจะรับนำมาปรับปรุง ให้เกิดความโปร่งใส และเข้มงวด
ภาพ:เฟซบุ๊ก Petch Manopawitr
สำหรับอุทยาแห่งชาติหาดนพรัตน์-หมู่เกาะพีพี หลังจากมีการปิดปรับปรุงให้ธรรมชาติฟื้นตัวเกือบ 2 ปี พบมีฉลามหูดำเข้ามาอาศัย บริเวณอ่าวมาหยาจำนวนมาก ประกอบกับหลังการฟื้นตัวของโควิด-19 ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวกลับมามากขึ้น
ทั้งนี้นายอรรถพล โพสต์คลิปผ่านเฟซบุ๊ก อรรถพล เจริญชันษา เป็นภาพของฉลามหูดำจำนวนมา แหวกว่ายหน้าอ่าวมาหยา โดยระบุว่า อ่าวมาหยาคือแหล่งคลอดและอนุบาลลูกฉลามครีบดำ และมีมาตรการห้ามนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำเพื่อลดการรบกวนลูกฉลามหูดำ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
จนท.หญิง กรมป่าไม้ เอี่ยวโกดังซุกไม้ประดู่ยื่นหนังสือลาออกแล้ว