โดยทั่วไปแล้วการบินข้ามทวีปจากยุโรปไปยังออสเตรเลียด้วยเครื่องบินโดยสารจะใช้เวลาประมาณ 20 ชั่วโมง แต่บริษัทสตาร์ตอัปในสวิตเซอร์แลนด์ ได้หาทางลดเวลาการเดินทางลงให้เหลือเพียง 4 ชั่วโมง ด้วยเครื่องบินโดยสารที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฮโดรเจนซึ่งมีความเร็วเหนือเสียง 5 เท่า หรือมากกว่า 6,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยสามารถเดินทางจากแฟรงก์เฟิร์ตไปยังซิดนีย์ในเวลาเพียง 4 ชั่วโมง และจากลอนดอนไปนิวยอร์กภายในเวลา 90 นาที
เพื่อให้เครื่องบินสามารถเดินทางด้วยความเร็วดังกล่าว เครื่องบินจะต้องบินในระดับความสูงมากกว่า 50 กิโลเมตร และใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนในการบินขึ้นและลงจอด ซึ่งจะเป็นการช่วยลดมลภาวะด้วยการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ และจะปล่อยออกมาเฉพาะความร้อนและไอน้ำเท่านั้น
บริษัทผลิตเครื่องบินในสวิตเซอร์แลนด์ ได้ทำการทดสอบเครื่องบินต้นแบบในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ก่อนจะประกาศความสำเร็จในการทดสอบเครื่องบินต้นแบบลำที่ 2 หรือ ไอเกอร์ (Eiger) ที่สนามบินใกล้เมืองมิวนิกเมื่อสิ้นปี 2022 ที่ผ่านมา ช่วยให้บริษัทได้รับเงินทุนมูลค่า 27 ล้านยูโรจากกระทรวงวิทยาศาสตร์ของสเปน เพื่อช่วยสนับสนุนการพัฒนาศูนย์ทดสอบเครื่องยนต์ไฮโดรเจนใกล้กับกรุงมาดริด ซึ่งจะใช้เป็นที่เก็บเครื่องบินต้นแบบ และเป็นทุนสนับสนุนการวิจัยเกี่ยวกับระบบที่ขับเคลื่อนด้วยไฮโดรเจนเหลว
ทั้งนี้ ดูเหมือนว่าการเดินทางด้วยเครื่องบินความเร็วเหนือเสียงที่สามารถใช้งานได้ในเชิงพาณิชย์นั้นยังต้องใช้เวลาในการพัฒนาอีกยาวไกล เนื่องจากไฮโดรเจนเหลวมีน้ำหนักเบากว่าน้ำมันเครื่องบินถึง 4 เท่า ซึ่งหมายความว่าต้องใช้ความจุมากกว่า 4 เท่าบนเครื่องบินและใช้ถังเชื้อเพลิงขนาดใหญ่ เครื่องบินที่ขับเคลื่อนด้วยไฮโดรเจนจึงไม่สามารถแข่งขันด้านราคาได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องใช้เวลาพัฒนาเครื่องบินที่สามารถทนต่อความร้อนสูง
ถึงแม้ว่าการพัฒนาเครื่องบินรูปแบบดังกล่าวจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หลายบริษัทยังคงทุ่มทุนหลักหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับบริษัทสตาร์ตอัปในโครงการพัฒนาเครื่องบินพลังงานไฮโดรเจนความเร็วเหนือเสียง เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาและผลิตยานพาหนะที่ใช้พลังงานไฮโดรเจนต่อไปในอนาคต
ที่มาข้อมูล: thenextweb, euronews, dailymail
ที่มาภาพ: destinus
“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech