วันนี้ (3 พ.ค.2566) นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ( ปปง.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการธุรกรรมได้พิจารณาดำเนินการกับทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 สรุปดังนี้
1. ยึดและอายัดทรัพย์สิน จำนวน 8 รายคดี ทรัพย์สิน 143 รายการ พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 155 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่คดีความผิดมูลฐานยาเสพติดและฉ้อโกงประชาชน และมีรายคดีสำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชนรวมอยู่ด้วย
- รายคดี นายชัยณัฐร์ หรือ ตู้ห่าว กับพวก ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์กระทำความผิดมูลฐานยาเสพติด การเป็นอั้งยี่หรือการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติและความผิดฐานฟอกเงิน โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้อายัดทรัพย์สินไว้ชั่วคราว จำนวน 15 รายการ (เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 34 ล้านบาท
ทั้งนี้ การดำเนินการกับทรัพย์สินดังกล่าวเป็นการสืบสวนขยายผลในการตรวจสอบทรัพย์สิน ซึ่งเป็นคนละส่วนกับทรัพย์สินที่สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ดำเนินการยึดและอายัดไว้แล้ว
- รายคดี นายสุ่ย ไท เหว่ย หรือนายเดวิด กับพวก ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์กระทำความผิดมูลฐานลักลอบหนีศุลกากร โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้ยึดทรัพย์สินไว้ชั่วคราว จำนวน 3 รายการ (รถยนต์) พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 84 ล้านบาท
2 ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน จำนวน 38 รายคดี ทรัพย์สิน 1,113 รายการ พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 903 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นคดีความผิดมูลฐานยาเสพติด ฉ้อโกงประชาชน จัดให้มีการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และฉ้อโกง อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ และมีรายคดีสำคัญที่อยู่ในความสนใจของสื่อมวลชนและประชาชนรวมอยู่ด้วย เช่น
- รายคดี นายภูมิพัฒน์ฯ กับพวก (อั้ม PSV) ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์กระทำความผิดมูลฐานการจัดให้มีการเล่นการพนันออนไลน์ และความผิดฐานฟอกเงิน โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้เลขาธิการ ปปง. ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้อง ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สิน จำนวน 56 รายการ พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 362 ล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดิน
- รายคดี นายปริญญ์ฯ กับพวก ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์กระทำความผิดมูลฐานการจัดให้มีการเล่นการพนันออนไลน์ และความผิดฐานฟอกเงินโดยคณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้เลขาธิการ ปปง. ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่ง ให้ทรัพย์สิน จำนวน 228 รายการ พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 111 ล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดิน
- รายคดี นางสาวพัชรินทร์ฯ กับพวก (กรณีการสร้างโรงแรมบุกรุกพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา - เกาะหลีเป๊ะ) ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์กระทำความผิดมูลฐานเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยการใช้ ยึดถือ หรือครอบครองทรัพยากรธรรมชาติ หรือกระบวนการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ โดยมิชอบด้วยกฎหมายอันมีลักษณะเป็นการค้า
คณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้เลขาธิการ ปปง.ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สิน จำนวน 24 รายการ พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 130 ล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดิน
และส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินไปคืนหรือชดใช้คืนให้แก่ผู้เสียหาย (คุ้มครองสิทธิของผู้เสียหาย) จำนวน 1 รายคดี ทรัพย์สิน 1 รายการ พร้อมดอกผล มูลค่าประมาณ 5 ล้านบาท โดยเป็นคดีความผิดมูลฐานฉ้อโกงประชาชน และฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ
มอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทรัพย์สินฯ ของผู้กระทำความผิดมูลฐานและผู้ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ในเชิงลึก จำนวน 40 รายคดี โดยส่วนใหญ่เป็นคดีความผิดมูลฐานยาเสพติด ฉ้อโกงประชาชน และฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ