การหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ ถือเป็นอีก 1 ช่องทางที่ กกต. อนุญาตให้พรรคการเมืองสามารถทำได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นแอบอ้างเป็นผู้สมัคร อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของการกำหนดค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้งอีกด้วย โดย กกต.กำหนดว่า หากค่าใช้จ่ายในการผลิตมากกว่า 5,000 บาท จะต้องแจ้งต่อ กกต. และนับเป็น "ค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งของพรรคนั้นๆ"
Meta เจ้าของแพลตฟอร์ม Facebook ตั้งทีมเตรียมความพร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไป 2566 ของประเทศไทย ทั้งทีมตรวจสอบข่าวเท็จ การบิดเบือนข้อมูล และตรวจสอบพฤติกรรมคุกคามจากตัวตนปลอม หรือการแทรกแซงจากต่างประเทศ เป็นต้น นอกจากนั้น ยังเปิดโอกาสให้ทุกพรรคสามารถลงโฆษณา หรือ "ยิงแอด" ได้
Ad Library เป็นอีกเครื่องมือที่ Facebook สร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้คนสามารถติดตามได้เลยว่า ในการเลือกตั้ง 2566 ครั้งนี้เพจใด ใช้เงินไปเท่าใด ทั้งยังเพิ่มแบนเนอร์ได้รับสปอนเซอร์ เพื่อให้ผู้คนในประเทศไทยรับรู้ว่าใครเป็นผู้ซื้อโฆษณาดังกล่าว ทำให้สามารถตรวจสอบความโปร่งใสในข้อมูลย้อนหลัง
"พรรคเปลี่ยน" นำลิ่วอันดับ 1 ยิงแอดเฟซบุ๊ก
ไทยพีบีเอสออนไลน์รวบรวม 10 อันดับพรรคการเมืองที่ใช้เงิน "ยิงแอด" มากที่สุดในรอบ 90 วัน ตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ. - 9 พ.ค.2566 และเก็บข้อมูลเฉพาะเพจหลักของพรรคการเมืองนั้นๆ เท่านั้น
อันดับ 1 พรรคเปลี่ยน ลงโฆษณาเป็นเงิน 5,433,990 บาท
อันดับ 2 พรรคไทยสร้างไทย ลงโฆษณาเป็นเงิน 718,288 บาท
อันดับ 3 พรรครวมไทยสร้างชาติ ลงโฆษณาเป็นเงิน 540,507 บาท
อันดับ 4 พรรคเพื่อไทย ลงโฆษณาเป็นเงิน 485,5258 บาท
อันดับ 5 พรรคชาติพัฒนากล้า ลงโฆษณาเป็นเงิน 271,186 บาท
อันดับ 6 พรรคพลังธรรมใหม่ ลงโฆษณาเป็นเงิน 208,710 บาท
อันดับ 7 พรรคประชาธิปัตย์ ลงโฆษณาเป็นเงิน 156,676 บาท
อันดับ 8 พรรคภูมิใจไทย ลงโฆษณาเป็นเงิน 110,600 บาท
อันดับ 9 พรรคเสมอภาค ลงโฆษณาเป็นเงิน 61,262 บาท
อันดับ 10 พรรคเส้นด้าย ลงโฆษณาเป็นเงิน 59,432 บาท
ในขณะที่ พรรคพลังประชารัฐ พบข้อมูลใช้เงินลงโฆษณาเพียง 500 บาท และ พรรคก้าวไกล 0 บาท
จะเห็นได้ว่าในช่วง 90 วัน "พรรคเปลี่ยน" ของ นอท-กองสลากพลัส หรือ พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ เป็นพรรคการเมืองที่ใช้เงินซื้อโฆษณามากที่สุดเกือบ 6,000,000 บาท ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์หาเสียงที่ระบุแต่ต้นว่า เน้นหาเสียงทางช่องทางออนไลน์
รองลงมาคือ ไทยสร้างไทยของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และ รวมไทยสร้างชาติของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตามลำดับ ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร ที่แทบทุกพรรคจะระดมเงินซื้อโฆษณาหาเสียงทางช่องทางออนไลน์ แต่ที่ต้องตั้งข้อสังเกตคือ พรรคพลังประชารัฐโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ใช้เงินเพียง 500 บาท ซื้อโฆษณาเพียง 1 ชิ้น และพรรคก้าวไกลโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ไม่พบข้อมูลการซื้อโฆษณาในแพลตฟอร์มเฟซบุ๊กเลย
10 อันดับพรรคการเมืองที่จ่ายเงินซื้อโฆษณาเพื่อหาเสียงช่องทางออนไลน๋์
10 อันดับพรรคการเมืองที่จ่ายเงินซื้อโฆษณาเพื่อหาเสียงช่องทางออนไลน๋์
อ่านข่าวเพิ่ม : เลือกตั้ง2566 : เปิดงบประมาณ "นโยบาย" หาเสียง ...เกินตัว?
กกต.กำหนดค่าใช้จ่ายให้แต่ละผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ สามารถใช้จ่ายได้ตามจริงแต่ไม่เกินที่กำหนด ดังนี้
งบประมาณ ค่าใช้จ่ายหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง (ต่อคน)
กรณีสภาครบวาระ ใช้จ่ายได้ไม่เกิน 7,000,000 บาทถ้วน
กรณียุบสภา/แทนตำแหน่งที่ว่าง ใช้จ่ายได้ไม่เกิน 1,900,000 บาทถ้วน
งบประมาณ ค่าใช้จ่ายหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ (ต่อพรรคการเมือง)
กรณีสภาครบวาระ ใช้จ่ายได้ไม่เกิน 163 ล้านบาทถ้วน
กรณียุบสภา/แทนตำแหน่งที่ว่าง ใช้จ่ายได้ไม่เกิน 44 ล้านบาทถ้วน
อ่านข่าวเพิ่ม :
เลือกตั้ง2566 : "เลือกตั้ง" ดันเงินสะพัดในระบบกว่า 2 แสนล้าน
เลือกตั้ง2566 : เปิดตัวเลขผู้มีสิทธิเลือกตั้ง "เจเนอเรชัน X" มากสุด