วันนี้ (19 พ.ค.2566) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เปิดเผยว่า จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยเกี่ยวกับการบังคับใช้ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่จับกุมหรือควบคุมตัวผู้ต้องหา ยังต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดใน พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว คือ ต้องบันทึกภาพและเสียงขณะจับกุมอย่างต่อเนื่อง และแจ้งไปยังหน่วยงานอัยการ หรือฝ่ายปกครองเมื่อได้ดำเนินการจับกุมผู้ต้องหา
ยอมรับว่าทางตำรวจยังขาดความพร้อมเรื่องอุปกรณ์การบันทึกภาพ เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานกว่า 200,000 นาย แต่มีอุปกรณ์ประมาณ 120,000 ชิ้น และชำรุดเสียหายไปแล้วบางส่วน และยังขาดหน่วยความจำสำหรับจัดเก็บข้อมูลจนกว่าคดีจะสิ้นสุด
ผบ.ตร. กล่าวว่า จึงได้กำชับให้ผู้บัญชาการ ผู้กำกับการ และหัวหน้าสถานี ได้กำกับปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้ถูกต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติ โดยหมุนเวียนใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดภายใต้ข้อจำกัด เช่น การให้สลับเวรกันใช้อุปกรณ์ ใช้คอมพิวเตอร์โรงพักในการจัดเก็บข้อมูลไปก่อน หรือใช้วิธีการแจ้งเหตุการจับกุมต่อหน่วยงานปกครอง อัยการผ่านทางโทรศัพท์หรืออีเมล์แทนระบบอิเล็กทรอนิกส์
ขณะเดียวกัน ในวันนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะประชุมร่วมกับกระทรวงยุติธรรม เพื่อเตรียมออกระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายว่าด้วยการบันทึกภาพและเสียงในขณะจับและควบคุมฯ พ.ศ.2566 ซึ่งระหว่างที่ระเบียบดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จ ทางตำรวจก็จะวางแนวทางการปฏิบัติไปก่อนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานได้อย่างถูกกฎหมาย
ผบ.ตร. กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างจัดหาอุปกรณ์เพิ่มเติมทั้งกล้องบันทึกภาพและหน่วยจัดเก็บข้อมูล ยืนยันว่าจะกำชับให้ทุกหน่วยปฏิบัติให้ดีที่สุด ไม่มีการใส่เกียร์ว่างอย่างแน่นอน ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบว่ามีข้อบกพร่องใดที่ผู้ต้องหาจะนำช่องโหว่ของกลไกรัฐนี้ไปต่อสู้ทางคดีได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มติศาล 8 ต่อ 1 ตีตก พ.ร.ก.เลื่อนบังคับใช้ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ
ศาล รธน.นัดลงมติ พ.ร.ก.ขยายเวลา พ.ร.บ.อุ้มหาย 18 พ.ค.นี้
มติเอกฉันท์! ศาล รธน.รับวินิจฉัยเลื่อนใช้ พ.ร.บ.อุ้มหาย-แจงภายใน 15 วัน