วันนี้ (22 พ.ค.2566) น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ยืนยันว่าการลงนาม MOU เป็นสิ่งที่ดี เปรียบเสมือนการยกระดับการเมืองไทยให้สูงขึ้นอีกระดับ เพราะที่ผ่านมามีเพียงเรื่องของการแบ่งกระทรวง และเป็นไปตามการใช้งบประมาณ จึงอาจเป็นการเข้าสู่อำนาจและไปบริหารเรื่องผลประโยชน์
แต่หากเอาเนื้องานเป็นตัวตั้งและมีข้อตกลงกันว่าจะบริหารประเทศไปในทิศทางใด และเห็นพ้องต้องกันจะทำให้ดำเนินการในรอบ 4 ปีข้างหน้าราบรื่น และนอกจาก MOU 23 ข้อ ยังมีแนวทางปฏิบัติร่วมกัน ที่ระบุว่าหากมีการทำด้วยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือขัดต่อความรู้สึกประชาชน หรือมีเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน ก็จะให้มีการแสดงความรับผิดชอบ เป็นปฏิกิริยาทางการเมืองอย่างทันท่วงที ไม่ใช่การช่วยเหลือปกปิดซึ่งกันและกัน
น.ต.ศิธา ยังระบุถึงกรณีสมาชิกวุฒิสภา ที่เป็นเงื่อนไขสำคัญในการเลือกนายกรัฐมนตรี ว่าไม่สามารถตัดสินใจแทน ส.ว.ได้ แต่เท่าที่ดูหากคิดด้วยเหตุและผล เชื่อว่าในสายตาประชาชนหรือสิ่งที่สะท้อนออกมาทางโลกออนไลน์ หรือการพูดคุยตามสภากาแฟต่างๆ จะเห็นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ว่าประชาชนเลือกมาแล้วและมารวมกันได้ 300 กว่าเสียง ซึ่งถือเป็นตัวแทนของประชาชนร่วมร้อยละ 60 ก็น่าจะสนับสนุนให้ประชาธิปไตยเดินหน้าไปได้ อยากให้สะท้อนเสียงประชาชนอย่างแท้จริง ส่วนที่จะมีการชุมนุมกดดัน ส.ว.ที่รัฐสภา ไม่ขอแสดงความคิดเห็น
อ่านข่าวเพิ่ม :
จดหมายจาก "คนรุ่นใหม่" ถึง "ลุงตู่" ชมทำเพื่อประชาชน
เลือกตั้ง2566 : โฆษก ปชป.ปฏิเสธข่าวเจรจาร่วมรัฐบาล-ย้ำจุดยืนค้านแก้ ม.112