วันนี้ (24 พ.ค.2566) นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อตราสารหนี้ระยะสั้นเพื่อเก็งกำไรค่าเงิน ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง ประมาณ 137,000 ล้านบาท
แต่กระบวนการจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้าและยังไม่ชัดเจน ทำให้นักลงทุนเทขายไปแล้วกว่า 82,000 ล้านบาท ประกอบกับส่วนเพิ่มของผลตอบแทนเพื่อชดเชยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น หรือ Risk Premium ตราสารไทยเพิ่มขึ้น ทั้งที่อันดับความน่าเชื่อและอัตราผิดนัดชำระต่ำ
เหล่านี้สะท้อนมุมมองนักลงทุนต่างชาติที่มองโอกาสการสร้างผลตอบแทนไทยลดน้อยลง จากความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาล ส่งผลให้ในระยะ 1 เดือนข้างหน้า ค่าเงินบาทจะผันผวนสูง ในกรอบที่ค่อนข้างกว้างที่ 33.80-35.40 บาทต่อดอลลาร์ ขึ้นอยู่กับการส่งสัญญาณของธนาคารกลางสหรัฐ
ขณะเดียวกัน หากเกิดการพลิกขั้ว ไม่ใช่พรรคที่ได้คะแนนเสียงอันดับ 1 อาจนำไปสู่การชุมนุมทางการเมือง ซึ่งกระทบบรรยากาศการท่องเที่ยวและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ จึงเห็นว่ารัฐบาลใหม่ควรเร่งเปิดเจรจาเขตการค้าเสรี (FTA) กับสหภาพยุโรป (EU) เพื่อกระตุ้นการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศและการลงทุนภาคเอกชน หลังอียูส่งสัญญาณพร้อมเจรจา FTA กับประเทศที่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งจะช่วยกระจายความเสี่ยง ลดการพึ่งพาภาคการท่องเที่ยวมากเกินไปแบบที่เป็นอยู่
ส่วนนโยบายหาเสียงอย่างการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ เป็นนโยบายที่นักลงทุนต่างชาติจับตามองก่อนตัดสินใจขยายการลงทุน แต่การบริหารนโยบายภายใต้ระบบพรรคร่วมรัฐบาล อาจทำให้การดำเนินนโยบายเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่เหมือนกับที่หาเสียงทั้งหมด จึงไม่กระทบเงินเฟ้อในปีนี้
ส่งผลให้ธนาคารกสิกรไทย คาดว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน วันที่ 31 พ.ค.นี้ คณะกรรมการฯ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ร้อยละ 0.25 สู่ระดับร้อยละ 2 ต่อปี และยังคงประมาณการจีดีพีทั้งปี ขยายตัวร้อยละ 3.7 จากอานิสงส์การท่องเที่ยว ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศสูงถึง 30 ล้านคน
อ่านข่าวอื่นๆ
"สุพันธ์ุ" เชื่อโหวต "พิธา" ผ่าน-ตั้ง รบ. ได้ ตลาดทุนสดใสแน่นอน
"ส.อ.ท." เสนอ 5 ประเด็นเร่งด่วน หลังร่วมแลกเปลี่ยน "พิธา" กว่า 2 ชม.