วันนี้ (25 พ.ค.2566) พลอากาศตรี ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยกรณีที่มีกระแสข่าว เรื่อง เครื่องบินขับไล่โจมตีแบบ F-35A ว่า นาย โรเบิร์ต เอฟ. โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้หารือกับผู้บัญชาการทหารอากาศ และยืนยันความร่วมมือกับประเทศไทยในฐานะพันธมิตรที่มีความใกล้ชิดอย่างยิ่งในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก พร้อมทั้งหารือกรณีเครื่องบินขับไล่โจมตีแบบ F-35A ซึ่งกองทัพอากาศได้ส่งหนังสือ Letter of Request for P&A (Price and Availability) ให้กับ JUSMAGTHAI เพื่อดำเนินการตามกระบวนการจัดหาโดยวิธี Foreign Military Sales (FMS) จากรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. การพิจารณาขายเครื่องบินขับไล่โจมตีแบบ F-35A ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่โจมตียุคที่ 5 มีเงื่อนไขภายใต้ข้อจำกัดด้านเวลาหลายประการที่ต้องดำเนินการให้เรียบร้อย ก่อนที่สหรัฐฯ จะพิจารณาขายเครื่องบินขับไล่โจมตีแบบ F-35A ให้กับประเทศใด ๆ ทำให้สหรัฐฯ ยังไม่สามารถเสนอขายเครื่องบินขับไล่โจมตีแบบ F-35A ให้กับกองทัพอากาศได้ในขณะนี้
2. จากข้อมูลแผนการผลิตและคำสั่งซื้อของเครื่องบินขับไล่โจมตีแบบ F-35A ในปัจจุบัน จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 ปี จึงจะสามารถนำส่งเครื่องบินขับไล่โจมตีแบบ F-35A ให้กับผู้ซื้อรายใหม่
3. เครื่องบินขับไล่โจมตีแบบ F-35A ถูกออกแบบด้วยแนวความคิดใหม่ด้านเทคนิคและด้านปฏิบัติการ มีคุณลักษณะพิเศษในการซ่อนพรางจากการตรวจจับด้วยสัญญาณเรดาร์ (Stealth) จึงต้องวางแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ระบบการฝึก และระบบรักษาความปลอดภัยตามเงื่อนไขของสหรัฐฯ
4. การเตรียมการเพื่อปรับเปลี่ยนระบบส่งกำลังบำรุง ระบบคลังพัสดุ และระบบบริหารจัดการใหม่สำหรับเครื่องบินขับไล่โจมตีแบบ F-35A ซึ่งแตกต่างจากระบบของเครื่องบินขับไล่โจมตีแบบ F-16 และไม่สามารถใช้ร่วมกับระบบของยุทโธปกรณ์อื่น ๆ ได้
5. สหรัฐฯ มีความประสงค์จะหารือเกี่ยวกับการเตรียมการในอนาคต เพื่อรองรับการจัดหาและการใช้งานเครื่องบินขับไล่โจมตีแบบ F-35A ของกองทัพอากาศ โดยในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ สหรัฐฯ เชื่อว่ากองทัพอากาศควรพิจารณาเครื่องบินขับไล่โจมตียุคที่ 4.5 ได้แก่ เครื่องบินขับไล่โจมตีแบบ F-16 และเครื่องบินขับไล่โจมตีแบบ F-15 ซึ่งจะใช้เวลาในการจัดหาได้เร็วกว่าและสามารถตอบสองความต้องการของกองทัพอากาศได้ โดยสหรัฐฯ จะส่งทีมมาหารือในรายละเอียดกับกองทัพอากาศต่อไป
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสหรัฐฯ จะยังไม่สามารถเสนอขายเครื่องบิน F-35A ให้กับกองทัพอากาศได้ในขณะนี้ กองทัพอากาศขอยืนยันถึงความจำเป็นที่จะต้องจัดหาเครื่องบินเพื่อทดแทนเครื่องบินขับไล่โจมตีแบบ F-16 ที่กำลังจะปลดประจำการ เพื่อมิให้ส่งผลต่อความพร้อมรบและขีดความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศซึ่งเป็นภารกิจหลักของกองทัพอากาศ
ทั้งนี้ กองทัพอากาศจะดำเนินการตามแผนบริหารความเสี่ยงและทบทวนแผนการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีด้วยความรอบคอบ โดยคำนึงถึงการใช้งบประมาณแผ่นดินให้เกิดความคุ้มค่าและ เกิดประโยชน์สูงสุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สหรัฐไม่ขาย F-35 ให้ไทย จ่อคืน 369 ล้าน