เกิดเหตุเครื่องบินตกในป่าแอมะซอนเมื่อวันที่ 1 พ.ค.2566 ที่ผ่านมาจ ากเหตุเครื่องยนต์ขัดข้อง โดยเครื่องบินเล็กลำดังกล่าวประกอบไปด้วยเด็กอายุ 13 ปี, 9 ปี, 4 ปี และ 1 ปี พร้อมด้วยผู้ใหญ่ 3 คน ซึ่งเป็นนักบิน 2 คนและแม่ของเด็กกลุ่มนี้
เจ้าหน้าที่ เริ่มภารกิจค้นหานับตั้งแต่เกิดเหตุ และมีข่าวการรอดชีวิตของเด็ก ๆ มีขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (10 มิ.ย.2566) ในช่วง 2 สัปดาห์หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบซากเครื่องบินลำดังกล่าว พร้อมร่างผู้เสียชีวิต คือ ผู้ใหญ่ที่โดยสารมาทั้ง 3 คน แต่ไม่พบร่างของเด็ก ๆ จึงเชื่อว่าทั้งหมดน่าจะยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งพวกเขาเป็นชนพื้นเมืองที่มีความคุ้นเคยกับผืนป่าด้วย
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทางการได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัย ทหารกว่า 150 นาย และสุนัขกู้ภัยออกค้นหา รวมไปถึงชนพื้นเมืองในละแวกใกล้เคียงหลายสิบคนที่เข้าร่วมภารกิจด้วย โดยระหว่างปฏิบัติการพบร่องรอยต่าง ๆ ที่บ่งชี้ว่า เด็กกลุ่มนี้อาจยังมีชีวิตรอด เช่น ที่พักชั่วคราวที่ทำจากใบไม้และกิ่งไม้ ผลไม้ที่ถูกกัดกินไปบางส่วน รวมถึงรอยเท้าและสิ่งของต่าง ๆ
นอกจากนี้ ทหารยังใช้วิธีบินเฮลิคอปเตอร์และหย่อนกล่องอาหารไว้ รวมไปถึงเปิดลำโพงที่บันทึกเสียงย่า ยายของเด็ก ๆ ที่บอกว่าให้เด็ก ๆ อยู่ในที่เดียวกันอีกด้วย
ในที่สุดเจ้าหน้าที่พบตัวเด็กทั้งหมดหลังจากผ่านไปกว่า 40 วัน จุดที่พบคือทางตอนใต้ของโคลอมเบีย บริเวณนั้นเป็นที่โล่งไม่มีต้นไม้ และอยู่ห่างจากจุดที่เครื่องบินตกประมาณ 5 กม.ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ผ่านจุดที่พบเด็ก ๆ ในระยะ 20-50 เมตร ไปประมาณ 2-3 ครั้ง แต่ก็พลาดไป และเจ้าหน้าที่ยังเปิดเผยว่า ขณะที่พบนั้น เด็ก ๆ กำลังขาดสารอาหาร แต่ยังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน
ขณะที่พ่อของเด็ก ๆ เปิดเผยหลังจากพี่คนโตเล่าให้ฟังว่า แม่ของพวกเขายังคงมีชีวิตอยู่ประมาณ 4 วัน หลังจากที่เครื่องบินตก และบอกให้พวกเขาหนีไปเพื่อเอาชีวิตรอด
ในระหว่าง 40 วันที่เด็ก ๆ อยู่ในป่า พี่คนโตที่อายุ 13 ปี เป็นผู้นำในการดูแลน้อง ๆ จากประสบการณ์ที่ต้องคอยดูแลน้องเวลาที่แม่ไปทำงาน หลายวันหลังจากเครื่องบินตก
เด็กๆ ทั้ง 4 คน ประทังชีวิตด้วยการกินแป้งมันสำปะหลัง ที่พวกเขาขนไป และพบในซากเครื่องบิน พอหมดแล้วจึงค้นหาเมล็ดพืช รากไม้ ผลไม้ และพืชต่าง ๆ ในป่ากิน โดยเด็ก ๆ สามารถแยกแยะ และรู้ว่าอะไรควรกินไม่ควรกิน จากความรู้ที่มีจากการเป็นชนพื้นเมือง
ขณะที่ลุงของเด็ก ๆ ระบุว่า ขณะนี้เด็ก ๆ เริ่มพูดได้ และหนึ่งในนั้นบอกว่า พวกเขาเอาชีวิตรอด ด้วยการซ่อนตัวอยู่ในลำต้นของต้นไม้ เพื่อป้องกันตัวเองในผืนป่าที่เต็มไปด้วยงู สัตว์ และยุง
ซึ่งนี่เป็นคำตอบที่ช่วยคลายข้อสงสัยว่า ทำไมเจ้าหน้าที่ถึงไม่สามารถพบตัวเด็ก ๆ ได้เร็วกว่านี้ เพราะว่าเด็ก ๆ กลัวทั้งเสียงสุนัขเห่า รวมไปถึงกลุ่มค้นหานอกเครื่องแบบ เพราะก่อนหน้านี้พ่อของเด็ก ๆ เคยถูกคุกคามโดยสมาชิกของกองกำลังปฏิวัติแห่งโคลอมเบีย
ผู้สื่อข่าวท้องถิ่น ระบุว่า เด็ก ๆ ยังกลัวเสียงของคุณย่าหรือคุณยายที่เจ้าหน้าที่เปิดผ่านลำโพงด้วย พวกเขาจะซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ เพื่อไม่ให้ใครหาเจอ และทุกครั้งที่ทีมค้นหาเข้าใกล้พวกเขาก็จะยิ่งซ่อนตัว
นอกจากนี้ เด็ก ๆ ยังเปิดเผยว่า ได้พบกับ วิลสัน สุนัขค้นหาพันธุ์เบลเจียน เชพเพิร์ด และได้อยู่กับสุนัขตัวนี้เป็นเวลา 3-4 วัน ก่อนที่วิลสันจะหายไปเมื่อวันที่ 18 พ.ค.และยังไม่พบตัว
โดยวิลสันได้รับการฝึกมา 1 ปี แต่น่าจะเกิดอาการสับสน เนื่องจากพื้นที่ในป่ามีฝนตกหนักและทัศนวิสัยไม่ดี ประกอบกับต้องพบเจอสัตว์หลายชนิดเช่น จากัวร์และอนาคอนด้า แต่เจ้าหน้าที่ยังคงเดินหน้าค้นหาวิลสันต่อไป
ขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมโคลอมเบีย ระบุว่า ขณะนี้เด็ก ๆ ยังอยู่ในภาวะขาดน้ำและยังกินอาหารไม่ได้ แต่อาการปลอดภัยและพ้นขีดอันตรายแล้ว โดยคาดว่าจะยังคงต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลไปอย่างน้อยอีก 2 สัปดาห์
ด้านกุสตาโว เปโตร ประธานาธิบดีโคลอมเบีย ระบุว่า เด็กกลุ่มนี้เป็นตัวอย่างของการเอาชีวิตรอด และเรื่องราวของพวกเขาจะเป็นที่จดจำในประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ ยังกล่าวชื่นชมความร่วมมือระหว่างกองทัพและชนพื้นเมือง ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ควรปฏิบัติตาม