"มือผมนับเม็ดยามาทั้งชีวิต แต่วันนี้กลับตัวมาจับพู่กัน" วรรณวัฒน์ หาญรุ่งเรืองกิจ หรือบอมม์ วัย 40 ปี ย้อนชีวิตในอดีตเมื่อ 10 ปีที่แล้ว หลังถูกจับเข้าออกเรือนจำ 2 ครั้ง ในข้อหาเสพและค้าฯ
ชีวิตในวันนั้น โชกโชนยาบ้าเคยผ่านมือเขามาแล้วนับล้านเม็ด แต่วันนี้พูดได้เต็มปากว่ามีอาชีพใหม่เป็น "ศิลปิน" วาดรูป
ก้าวแรกเข้าสู่วงการศิลปะ แม้พื้นฐานแทบเป็นศูนย์ บอมม์พยายามย้ายตัวเองจากกองงานเย็บรองเท้า เพราะงานค่อนข้างหนัก ต้องจับเข็มและด้ายทำรองเท้าวันละ 18 คู่ มาสมัครเข้ากองงานช่างสิบหมู่ ด้วยความหวังเพื่อที่จะอยู่ในเรือนจำได้สบายกว่าเดิม เขาสมัครไปถึง 4 รอบ ก็ไม่ได้รับเลือกเข้าไป
โทษเราเยอะ อยากจะอยู่ในจุดสบายที่สุดของเรือนจำ
แต่ประตูของโอกาสยังไม่ปิด เมื่อกองนี้ต้องหาสมาชิกใหม่ เป็นจังหวะเดียวกับที่เจ้าหน้าที่สะดุดตาลายมือที่บอมม์ มีโอกาสไปเขียนข้อความไว้บนกำแพงเรือนจำ เชื่อว่ามีพรสวรรค์ไปต่อได้ เขาจึงถูกแนะนำไปยังกองงานช่างสิบหมู่ เป็นชุดแรก ๆ ที่ปลดล็อกให้ "คนมีรอยสัก" เข้ามาทำงานในกองนี้ได้
"เรามาทำอะไรที่นี่" คำถามวนซ้ำ ๆ ในหัวของบอมม์ เพราะต้องเริ่มนับหนึ่ง หยิบจับอะไรดูยากไปหมด จนถูกเรียกไปตักเตือนบ่อย ๆ จึงตัดสินใจสมัครเรียนจิตรกรรมไทย 800 ชั่วโมง นาน 8 เดือน เริ่มเรียนจากวาดภาพ วาดสีน้ำ จิตรกรรมไทย จิตรกรรมสีน้ำมัน
งานชิ้นแรกใช้เวลา 3 เดือน "ภาพทวารบาล" เกือบเสร็จ อาจารย์เดินมาถามว่า "งานชิ้นนี้ใครเป็นทำ" บอมม์ ตอบกลับด้วยใจเต้นแรงว่าเป็นเจ้าของผลงานนี้ เพราะคิดว่าจะได้รับคำชื่นชม แต่อาจารย์ตอบกลับว่า ถ้าออกจากเรือนจำแล้วให้รับเงินทุน 3,000 บาทไปขายลูกชิ้น อย่ามาวาดภาพเลย เปลืองหมึก เปลืองสี
ศรัทธา "พระพิฆเนศ" ศิลปะเปลี่ยนชีวิต
เมื่อความหวังดูเลือนราง บอมม์ผู้ไม่มีความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงกล่าวกับรูปปั้นพระพิฆเนศ ว่า ขอให้เขาได้เจอเส้นทางที่ดี ผ่านไปเพียง 3 วัน บอมม์ไปเจอกระดานไม้เก่า ๆ จึงลงมือวาดภาพ "พระพิฆเนศ" ผสานจิตรกรรมไทยและสากล ใช้เวลากับรูปนี้นาน 6 เดือน กระทั่งนักศึกษาที่เข้ามาดูงานในเรือนจำ ออกปากถามว่า "พี่ขายรูปนี้ไหม" ซึ่งอาจารย์ตอบแทนทันทีว่า "ขาย" แต่ต้องนำไปโชว์และประกวดในงานอุ่นไอรักก่อน
บอมม์ถูกอาจารย์เรียกไปคุยเป็นครั้งที่ 2 พร้อมบอกว่า "วันไหนมีคนขอซื้อรูป วันนั้นคือเราประสบความสำเร็จในการวาดรูป" กลายเป็นพลังฮึกเหิม ต่างจากวันแรกที่ถูกไล่ไปขายลูกชิ้น
ที่บอกว่าคุกไม่มีโอกาสสำหรับอดีตนักโทษ ผมมองว่าโอกาสมาหาเราตั้งแต่อยู่ในเรือนจำแล้ว อยู่ที่เราจะมองเห็นหรือเปล่า
ภาพเขียน
"พระพิฆเนศ" ชิ้นงานแห่งความศรัทธาและภาคภูมิใจ เปลี่ยนชีวิตของบอมม์ตั้งแต่ยังอยู่ในเรือนจำ หลังได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดผลงานที่ต้องแข่งขันกับผู้ต้องขังจากเรือนจำต่าง ๆ ทั่วประเทศ เมื่อนักธุรกิจมาขอซื้อรูปในราคา 2,000 บาท และติดต่อขอพบในเรือนจำ เพื่อให้บอมม์วาดเพิ่มอีก 10 รูป เป็นจุดเปลี่ยนให้เขาคิดว่าจะไม่กลับไปขายยาเสพติดอีก
ศิลปะไม่มีถูก-ผิด บอมม์ยืนหยัดทำงานจิตรกรรมไทยผสานสากล ดูสวยแปลกตา แม้ถูกบางคนทักท้วงว่าผิดรูปแบบ แต่ก็เป็นงานที่ขายออกและเลี้ยงตัวเองได้ กลายเป็นอีกหนึ่งศิลปินคิวยาว สั่งรูปวันนี้ได้อีกทีปีหน้า สร้างรายได้ต่อเดือน 60,000-200,000 บาท รูปที่ขายได้ราคาสูงสุด 200,000 บาท เป็นงานจิตรกรรมไทย ลายรดน้ำ ต้องใช้ความละเอียดสูง
ที่เขาเรียกศิลปินไส้แห้ง สำหรับผมไม่แห้งนะ สตอรี่ผมต่างจากคนอื่น มือผมนับยามาทั้งชีวิต แต่วันนี้ผมกลับตัวมาจับพู่กัน
อยากรู้-อยากลอง จากผู้เสพฯ สู่ผู้ค้า
การเข้าสู่วังวนยาเสพติดในช่วงชีวิตวัยรุ่นของบอมม์ไม่ต่างจากคนอื่น แม้ครอบครัวอบอุ่น มีฐานะปานกลาง แต่ด้วยความติดเพื่อน อยากรู้ อยากลอง จนเริ่มเสพยาบ้า และใช้ยาฯ จนไม่มีเงินซื้อ จึงเปลี่ยนจากผู้เสพเป็นค้า
ตั้งแต่อายุ 17 ปี ไม่เคยทำอะไร ขายยาอย่างเดียว ยาเสพติดทำให้ใครรวยไม่ได้ ถ้าวันหนึ่งพลาดของที่มีก็ถูกยึดหมด
บอมม์ เข้าเรือนจำรอบแรกเมื่อปี 2549 เพราะขัดผลประโยชน์กับเจ้าหน้าที่จนถูกยัดข้อหาคดีชิงทรัพย์ ระหว่างอยู่ข้างในเขาต่อสู้คดีนาน 6 ปี และถูกปล่อยตัวเมื่อปี 2555 หลังพ้นโทษ หน่วยงานรัฐให้ไปเรียกค่าเสียหายจากการต้องคดีในฐานะแพะ
แต่บอมม์มองว่าสิ่งที่เขาสูญเสียทดแทนเป็นเงินไม่ได้ ครอบครัวล่มสลาย ภรรยาไปมีสามีใหม่ จึงทำได้เพียงเฝ้าดูการเติบโตของลูกชายวัย 14 ปี ผ่านกระจกในเรือนจำ ทุก ๆ ครั้งที่ลูกมาเยี่ยม จะใช้เล็บขีดฝาผนังบอกระดับความสูงของลูกในแต่ละปี และไม่เคยมีโอกาสไปงานวันพ่อ
วันแรกที่ออกมา ลูกไม่กล้าเดินเข้ามาหาผม สิ่งพวกนี้ทดแทนไม่ได้
ภาพ : ประกาศนียบัตรที่บอมม์ได้รับรางวัลชนะเลิศประเภทจิตรกรรม
บอมม์ บอกว่า ในยุคนั้นการเข้าไปในเรือนจำ ทำให้เขารู้จักกับเครือข่ายยาเสพติด เมื่อพ้นโทษออกมา จึงประชดชีวิตตั้งตัวเป็นผู้ค้าฯ มีเงินซื้อบ้าน ซื้อรถสปอร์ตราคาแพงออกเที่ยวทุกคืน ได้เงินสัปดาห์ละ 300,000 บาท แต่ชีวิตกลับไม่มีความสุข ต้องหวาดระแวง ไม่กล้าเปิดบ้าน หมาเห่าก็สะดุ้ง ไปงานวันเกิดพ่อแม่ไม่ถึง 5 นาทีก็ต้องหลบออกไป เพราะถูกตำรวจติดตาม สุดท้ายก็ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำอีกรอบ และถูกยึดทรัพย์สินทั้งหมด
10 ปี เฝ้ามองลูกชายผ่านกระจกเรือนจำ
เข้าเรือนจำรอบที่ 2 ปี 2559 กลายเป็นความรู้สึกที่ต่างไป บอมม์ เล่าว่า ปกติแม่ไม่เคยขาดเยี่ยม แต่ช่วงหนึ่งแม่หายไป 2 ครั้ง และกลับมาพร้อมวอร์คเกอร์พยุงเดิน ใส่เฝือกตั้งแต่หัวเข่า แม่บอกว่าถูกรถชนขาหักหลังเข้าเยี่ยมเขา จึงเป็นแรงผลักให้ตั้งใจเลิกใช้ยาเสพติดเพื่อกลับไปดูแลแม่ ไม่อยากให้ลำบาก โดยมองว่าที่ผ่านมาครอบครัวมีแต่ความทุกข์ ต้องจ่ายเงินสู้คดีหลักล้านบาท
เมื่อเป้าหมายชีวิตใหม่ บอมม์พยายามเรียนรู้ทุกอย่างในเรือนจำ โดยเฉพาะงานในกองงานช่างสิบหมู่ที่ช่วยขัดเกลาจิตใจ ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ ก็พยายามหาหนังสืออ่าน เปลี่ยนความคิด เพิ่มระเบียบวินัย เพื่อนำไปปรับใช้ในวันที่ออกมาอยู่ในสังคม
บอมม์ เล่าว่า วันแรกที่พ้นโทษออกจากเรือนจำ เขาไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียว จึงขอเอ่ยปากขอยืมเงินจากเพื่อนเพื่อนำไปซื้ออุปกรณ์วาดรูป แต่คำตอบที่ได้รับ คือ ให้บอมม์นำยาฯ ไปขาย และคำพูดที่ว่า "สิ่งที่เขาจะทำเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ ใครจะมาซื้อรูป ขนาดคนเรียนจบมายังตกงาน" แต่สุดท้ายเขาเลือกเดินหนีออกมา
บอมม์จึงขอให้ลูกไปยืมเงินซื้อโทรศัพท์เครื่องแรก เพื่อนำรูปเขียนมาโพสต์ในเฟซบุ๊ก ต่อมามีผู้สนับสนุนทุนซื้ออุปกรณ์วาดรูป 1,500 บาท ทำให้มีเวลาวาดภาพ "พระพิฆเนศ" ต่อเนื่อง เมื่อมีผู้รับรู้เรื่องราวผ่านแรงศรัทธาจำนวนมาก ยอดสั่งซื้อจึงเพิ่มขึ้น
กำลังใจจากครอบครัว คำสอนของอาจารย์พยนตร์ เขียวมรกต ครูสอนศิลปะคนแรก และโครงการดี ๆ ในเรือนจำ คือ แรงผลักสำคัญ ทำให้บอมม์ ตั้งหลักชีวิตได้ในที่สุด
ความอดทนและความหวัง จะทำให้ทุกคนเริ่มต้นใหม่ได้ หลายคนเห็นผมเป็นไอดอล
ปัจจุบันบอมม์ส่งต่อโอกาสให้คนก้าวพลาด โดยเป็นวิทยากรถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตของตนในเรือนจำให้ผู้ต้องขังคนอื่น ๆ
เก่ง เพิ่งพ้นโทษ ได้ติดต่อหาบอมม์ ทุกวันนี้เขาวาดรูปขายผ่านเพจขี้คุกเขียนรูป จุดเด่นรูปวาดจากกาแฟ จนเลี้ยงชีพได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
"ล้มไม้ค้ำ ลิดกิ่งก้าน" กวาดทุนจีนฟอกเงินยาเสพติด
เปิดเครือข่าย "ค้ายาเสพติด" ข้ามแดน