"งู" เป็นสัตว์เลื้อยคลานที่สร้างความกังวลใจต่อผู้อาศัย และยังสร้างอันตรายต่อชีวิตได้อีกด้วย เนื่องจากพิษของงูจะเข้าไปทำลายระบบต่างๆ ของร่างกาย ได้แก่
- ระบบประสาท เช่น พิษจากงูเห่า งูจงอาง
- ระบบไหลเวียนโลหิต เช่น พิษจากงูแมวเซา งูเขียวหางไหม้
- ระบบกล้ามเนื้อ เช่น พิษจากงูทะเล
รายงานในปี 2565 จากวารสาร Frontiers of Ecology and Evolution กล่าวถึง งูมีพิษ10 ชนิดที่เป็นอันตรายถึงขั้นทำให้มนุษย์เสียชีวิต
- งูไทปันโพ้นทะเล (Inland Taipan) ถิ่นกำเนิดในรัฐควีนส์แลนด์ ออสเตรเลีย อาศัยตามพื้นที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึง ในโพรงของสัตว์ชนิดอื่นที่ขุดไว้ล่วงหน้า พิษเพียงเล็กน้อยสามารถฆ่ามนุษย์ได้ นับเป็นงูพิษเขี้ยวหน้าที่ร้ายแรงที่สุดในโลก ส่วนประกอบหลักของพิษคือ สารนิวโรท็อกซิน (neurotoxins) ซึ่งจะไปทำลายระบบประสาทและกล้ามเนื้อ โปรตีนโปรโคอะกูเลนท์ (procoagulants) ทำลายระบบเลือดโดยทำให้เลือดไม่แข็ง แผลที่กัดจะมีเลือดไหลตลอดเวลา และ สารไมโอท็อกซิน (myotoxins) ทำลายระบบกล้ามเนื้อ
- งูไทปัน (Common Taipan) ถิ่นกำเนิดพื้นที่ชายฝั่งทางเหนือและทางตะวันออกของประเทศออสเตรเลีย และเกาะนิวกินี หากถูกคุกคามจะยกตัวสูงก่อนฉกด้วยเขี้ยวที่มีพิษทำลายทั้ง 3 ระบบของร่างกาย คือ ประบบประสาท, ระบบกล้ามเนื้อ และ ระบบไหลเวียนโลหิต
- งูจงอาง (King Cobra) จัดเป็นงูพิษที่มีขนาดยาวที่สุดในโลก ตัวที่ยาวเป็นสถิติโลกมีความยาว 5.59 เมตร สายตาดีมองเห็นไกลได้ถึง 100 เมตร งูจงอางเป็นงูพิษที่สามารถต้านทานพิษงูชนิดอื่นๆ ได้อย่างดีเยี่ยม เช่น งูเห่า งูกะปะ เมื่อต่อสู้และถูกกัด จะไม่ได้รับอันตรายจนถึงตาย จะกัดและกินงูเหล่านั้นเป็นอาหารแทน แต่ไม่สามารถต้านทานพิษงูจงอางด้วยกันเองได้ หากมนุษย์ถูกฉกกัด อาจถึงแก่ความตายอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึง 15 นาที
- งูสามเหลี่ยม (Banded Krait) พบมากในอินเดีย, บังคลาเทศ ลำตัวเป็นสันสามเหลี่ยมชัดเจน อันเป็นที่มาของชื่อเรียก เลื้อยช้าแต่ว่ายน้ำได้เร็ว สีของลำตัวเป็นปล้องดำสลับเหลืองทั้งตัว มีพิษทำลายระบบประสาท เมื่อถูกกัดจะมีอาการชักกระตุก
- งูพิษเกล็ดเลื่อย (Saw-Scaled Viper) พบมากในอินเดีย หากถูกคุกคามจะไม่ขู่ด้วยเสียง แต่จะใช้เกล็ดของมันถูกันเพื่อให้เกิดเสียงแทน เมื่อถูกงูชนิดนี้กัดจะเกิดอาการปวดและบวมบริเวณแผล นอกจากนี้พิษของมันยังสามารถทำให้เกิดเลือดออกภายในและไตวายเฉียบพลันในที่สุด
- งูแมวเซาอินเดีย (Indian Russell's viper) เป็นงูที่มีพิษร้ายแรงมากอีกชนิดหนึ่ง เมื่อกัดมนุษย์จะมีผลต่อระบบไหลเวียนโลหิต ทำให้แก่ถึงความตายได้ งูแมวเซาอินเดียมีรูปร่างอ้วนป้อม ลำตัวสั้น หางสั้น เมื่อถูกคุกคาม จะขดตัวเหมือนแมวนอนขด พร้อมทั้งทำเสียงขู่คล้ายแมวหรือยางรถยนต์รั่ว เนื่องจากสูบลมเข้าไปในตัวจนตัวพอง แล้วพ่นลมออกมาทางรูจมูกแรงๆ แทนที่จะเลื้อยหนี
- งูเสือ (Tiger Snake) ตั้งชื่อตามแถบสีเหลืองและดำบนลำตัว พิษของงูเสือสามารถทำให้ผู้ที่ถูกกัดเสียชีวิตได้ภายใน 15 นาที พบมากทางใต้ของออสเตรเลียรวมถึงชายฝั่งเกาะแทสมาเนีย
- งูบูมสแลง (Boomslang) พบได้ในทวีปแอฟริกา เมื่อถูกคุกคามจะขยายคอให้ใหญ่ขึ้นเป็น 2 เท่าและเผยให้เห็นผิวหนังสีอ่อนๆ ระหว่างเกล็ด โดยพิษของมันจะทำให้เมื่อถูกกัดแล้วจะมีอาการเลือดออกทั้งภายในและภายนอกร่างกาย มนุษย์สามารถเสียชีวิตได้ภายใน 24 ชั่วโมง
- งูเฟอร์เดอแลนซ์ (Fer-de-lance) มีถิ่นอาศัยอยู่ในบราซิล เม็กซิโก และแอฟริกา พิษมีสารแอนติโคแอกูแลนต์ หรือ สารที่ยับยั้งการแข็งตัวของเลือด ผู้ที่ถูกฉกกัดจะมีอาการตกเลือด เนื้อเยื่อบริเวณที่ถูกกัดจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำและเนื้อตายในที่สุด
- งูแบล็กแมมบา (Black Mamba) ได้ชื่อว่าเป็นงูที่อันตรายที่สุดในแอฟริกา สามารถฆ่าคนได้ด้วยพิษเพียง 2-3 หยด โดยพิษจะรบกวนการทำงานของจุดเชื่อมต่อเส้นประสาทและกล้ามเนื้อเชื่อมต่อกัน ส่งผลให้เป็นอัมพาต และยังส่งผลให้หัวใจวายและหยุดเต้นภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที
วิธีช่วยเหลือเมื่อถูกงูกัดให้รีบพบแพทย์ให้เร็วที่สุด และพยายามเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุด ห้ามกรีดแผล ห้ามใช้เหล้า-แอลกอฮอล์ ห้ามใช้ยาสีฟันหรือสิ่งอื่นๆ ทาแผล เพราะอาจทำให้ติดเชื้อ ห้ามดูดพิษ และควรช่วยผู้ป่วยในเรื่องของการหายใจ
ที่มา : Animalaroundglobal, Livescience, Rama Channel