จากเหตุการณ์การยกเลิกเกมฟุตบอลนัดอุ่นเครื่อง ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ระหว่าง เลสเตอร์ ซิตี้ กับ สเปอร์ส หลังจากที่มีฝนตกลงมาอย่างหนักจนทำให้สภาพสนามไม่พร้อมใช้งาน กระทบถึงความกังวลของหลายฝ่าย หากวันที่ 5 ส.ค.นี้ ที่มีศึกฟุตบอลไทยแลนด์ แชมเปียนส์คัพ ระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พบ แบงค็อก ยูไนเต็ด เกิดฝนตกหนักขึ้นมาอีกครั้ง สภาพสนามจะสามารถใช้งานได้หรือไม่
จากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ถึงการคาดหมายลักษณะอากาศ ช่วงฤดูฝนของประเทศไทย ประจำปีนี้ ว่าในช่วงเดือนส.ค.-ต.ค. เป็นช่วงที่มีฝนตกชุกหนาแน่นที่สุด และมีโอกาสสูงที่จะมีพายุหมุนเขตร้อน เคลื่อนผ่านบริเวณประเทศไทย ซึ่งส่งผลให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ ซึ่งรวมถึงกรุงเทพมหานครด้วย
พาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอล ยอมรับว่า หลังจากเกิดปัญหาสนามราชมังฯ ไม่พร้อมใช้งานจากเหตุฝนตก ทางไทยลีกได้มีการประชุมเตรียมพร้อมรับมือ และมีแผนรองรับหลายด้านทั้งเรื่องของบุคลากรและอุปกรณ์
แต่หากวันนั้นฝนตกหนักจริงๆ ก็ต้องยึดตามกฎระเบียบไทยลีกในเรื่องระยะเวลา ว่าจะต้องเลื่อนการแข่งขันหรือไม่
ส่วนกระเเสข่าวที่ว่า ทางบริษัทฯ กอล์ฟ คอร์ส สเปเชียลลิสต์ ที่ทำสนามในศึกแดงเดือด แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ปะทะ ลิเวอร์พูล เมื่อปีที่เเล้ว ขนทรายออกจาก ราชมังคลาฯ หนาถึง 10 ซม. จนกลายเป็นประเด็นดรามาในโลกโซเชียลอย่างดุเดือด
ล่าสุด ทางบริษัทดังกล่าว ชี้เเจงว่าไม่ใช่ทราย แต่เป็นชั้นที่มีการสะสมของใบหญ้าและต้นหญ้าที่ตายแล้ว ที่สะสมนาน 15 ปี ซึ่งอุ้มน้ำ และทำให้น้ำระบายช้าลง และนำเศษหญ้าไปถมอยู่ตามโคนต้นไม้ ภายในพื้นที่ในสนามกีฬา
ย้อนไปในอดีต ราชมังคลากีฬาสถาน ถูกใช้งานเมื่อ 25 ปีที่เเล้ว หลังจากใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 16 ปี ครั้งแรกคือเอเชียนเกมส์ ปี 2541 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับชาติในอาเซียน ราชมังคลาฯ มีความจุสนาม อยู่อันดับ 6 โดยมีความจุกว่า 50,000 ที่นั่ง
ส่วนสนาม "บูกิต จาลิล" ของมาเลเซีย มีความจุมากที่สุด กว่า 87,000 ที่นั่ง โดยเปิดใช้พร้อมกับ ราชมังคลาฯ เมื่อ 25 ปีที่เเล้ว แต่เมื่อ 8 ปีก่อน บูกิต จาลิล ได้มีการปรับปรุงครั้งใหญ่ โดยใช้เงินกว่า 10,000 ล้านบาท เน้นไปที่ปรับปรุงด้านปลอดภัย เเละสนามหญ้า
อ่านข่าวอื่น :