วันนี้ (8 ส.ค.2566) นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ชี้แจงว่า การคำนวนค่าไฟฟ้า เป็นการคิดตามสูตรคำนวนผันแปรงวดสุดท้าย ซึ่งอิงจากสถานการณ์ราคาเชื้อเพลิงทั้งก๊าซธรรมชาติเหลว LNG ปริมาณก๊าซในอ่าวไทย และสภาพคล่องของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่สามารถบริหารหนี้ได้แค่ 5 งวด จึงทำให้สามารถลดค่าไฟฟ้าในงวดสุดท้ายราว 20 สตางค์ต่อหน่วย
หากต้องการจะให้ลดค่าไฟฟ้าเหลือ 4.25 บาทต่อหน่วยตามที่ กกร.เสนอ คงต้องใช้งบประมาณจากภาครัฐเข้ามาสนับสนุนช่วยเหลือ เนื่องจาก กกพ.ไม่มีงบประมาณเพียงพอ ซึ่งประเมินว่าการลดค่าไฟฟ้าลง 1 สตางค์ต้องใช้งบประมาณ 500-600 ล้านบาท หากจะลดค่าไฟ 20 สตางค์ต้องใช้งบประมาณราว 15,000 ล้านบาท จึงต้องรอรัฐบาลใหม่และคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติพิจารณา
ส่วนแนวโน้มค่าไฟฟ้าในงวดแรกของปี 2567 จะสามารถลดลงได้มากกว่านี้หรือไม่ นายคมกฤช ยอมรับว่า ขณะนี้มีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากปัญหาภัยแล้ง เนื่องจาก กฟผ.ได้แจ้ง กกพ.ว่า ปริมาณน้ำในเขื่อนที่ สปป.ลาว ลดน้อยลง จะส่งผลต่อการผลิตไฟฟ้าที่ กฟผ.ซื้อไฟฟ้าพลังงานน้ำส่งมายังไทย ก็อาจทำให้การผลิตไฟฟ้าต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติเข้ามาทดแทน ขณะที่ถ่านหินราคาสูงขึ้น รวมถึงต้องติดตามราคาก๊าซฯ LNG ที่ผันผวน เพราะยังมีหลายปัจจัยเข้ามากระทบ
ทั้งนี้ กกพ.เตรียมแผนรองรับสถานการณ์รับมือราคาเชื้อเพลิงที่ผันผวน และติดตามผลิตก๊าซฯ อ่าวไทย เพื่อลดผลกระทบจากค่าไฟฟ้าในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กกพ.เคาะลดค่าไฟงวด ก.ย.-ธ.ค.66 เหลือ 4.45 บาทต่อหน่วย
ชาวบ้านเฮ! "คลัง" เพิ่มสวัสดิการ ใช้รถเอกชน-รถร่วม-เรือโดยสาร