อาคารที่เกิดเพลิงไหม้เป็นอาคารของหน่วยงานรัฐบาล แต่ถูกทิ้งร้าง ต่อมาถูกแก๊งอาชญากรรมยึดครองและใช้เป็นที่พักอาศัยของผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ดังนั้นสภาพแวดล้อมจึงไม่มีความปลอดภัย เมื่อเกิดเพลิงไหม้ขึ้นจึงทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
เหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นในช่วงเช้ามืดของวันที่ 31 ส.ค.2566 ตามเวลาท้องถิ่นในแอฟริกาใต้ ในสื่อสังคมออนไลน์มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอช่วงที่เกิดเพลิงไหม้รุนแรง โดยอาคารหลังนี้มีความสูง 5 ชั้น ตั้งอยู่ในนครโจฮันเนสเบิร์ก
ล่าสุดเจ้าหน้าที่พบร่างผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 74 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 12 คน และบาดเจ็บอีก 61 คน แต่คาดว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีก
ข้อมูลเบื้องต้น ระบุว่า พบร่างผู้เสียชีวิตจำนวนมาก กองรวมกันที่ประตูทางเข้าออกในแต่ละชั้น ซึ่งถูกติดตั้งไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ตำรวจหรือผู้บุกรุกเข้าไปในอาคาร แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้คนที่อยู่ด้านในไม่สามารถหนีออกมาได้ คนที่อยู่ในอาคารต่างหาวิธีการต่างๆ เพื่อเอาชีวิตรอดจากเปลวเพลิง หลายคนใช้วิธีโยนลูกลงมาจากอาคาร ซึ่งมีฟูกรองรับ หรือมีคนที่อยู่ด้านล่างคอยรับอยู่ บางคนก็ใช้ผ้าเท่าที่หาได้ผูกติดกันและโรยตัวลงมาจากอาคาร
คนไร้บ้านพยายามเอาชีวิตรอดจากไฟไหม้
ในขณะที่ทางการ ระบุว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตน่าจะเพิ่มสูงกว่านี้อีกมาก เนื่องจากในอาคารมีการสร้างซุ้มที่อยู่อาศัย ซึ่งคาดว่ามีมากกว่า 80 ซุ้ม และมีการวางข้าวของระเกะระกะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้กลายเป็นเชื้อไฟอย่างดี และทำให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว
แต่เดิมอาคารหลังนี้เป็นอาคารของหน่วยงานรัฐบาล ที่ใช้เป็นที่พักสำหรับเด็กและสตรีที่ประสบปัญหาได้รับความเดือดร้อน แต่ในเวลาต่อมาอาคารหลังนี้ไม่ได้ใช้งานแล้วและถูกทิ้งร้าง จนกระทั่งมีแก๊งอาชญากรรมเข้าไปยึดอาคาร และปล่อยให้คนมาเช่าอยู่อย่างผิดกฎหมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายที่มาจากประเทศในแถบแอฟริกา
ตัวอาคารถูกตัดน้ำตัดไฟ ดังนั้นคนที่อาศัยอยู่ในอาคารหลังนี้ จึงต้องใช้เทียนไข หรือจุดเตาเพื่อประกอบอาหารและสร้างความอบอุ่น จึงคาดว่าอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้ อย่างไรก็ดีตอนนี้ยังไม่สามารถระบุสาเหตุได้แน่ชัด จะต้องรอการตรวจสอบอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
ผู้นำแอฟริกาใต้เตรียมป้องกันเหตุเพลิงไหม้ซ้ำรอย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นโศกนาฏกรรมครั้งเลวร้ายของแอฟริกาใต้ และถือเป็นสัญญาณเตือนให้รัฐบาลรีบดำเนินการป้องกัน เพราะมีอาคารอีกหลายหลังที่อยู่ในสภาพไม่แตกต่างกัน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดเหตุซ้ำรอยได้
ล่าสุด ปธน.แอฟริกาใต้ เดินทางลงพื้นที่เพื่อสำรวจความเสียหาย พร้อมระบุว่า นี่คือบทเรียนที่ทำให้เราตระหนักถึงปัญหานี้ ต้นเหตุและทุกๆ อย่าง การถอนรากถอนโคนเครือข่ายอาชญากรรม เพราะอาคารที่ถูกทิ้งร้างแบบนี้ ถูกยึดครองโดยอาชญากร ที่ปล่อยอาคารให้คนยากไร้และครอบครัวที่ต้องการที่อยู่อาศัยเช่า
ปธน.Cyril Ramaphosa ของแอฟริกาใต้
นอกจากนี้ยังระบุว่า รัฐบาลให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งมีประมาณ 200 ครอบครัวอย่างเต็มที่ ด้านนายกเทศมนตรีโจฮันเนสเบิร์ก ระบุว่า จากนี้ไปเจ้าหน้าที่จะย้ายประชาชนที่อาศัยอยู่ในอาคารลักษณะนี้ ไปอยู่ในสถานสงเคราะห์ของทางการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอย
ทั้งนี้แอฟริกาใต้ ประสบปัญหาขาดแคลนที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนรายได้น้อย ซึ่งมีการประเมินว่า ในนครโจฮันเนสเบิร์กมีประชาชนที่อาศัยอยู่ในอาคารลักษณะเดียวกันนี้มากถึง 15,000 คน
อ่านข่าวอื่น :
บ๊ายบายพี่เสือ! ปิดตำนาน 129 ปี ปั๊มน้ำมันเอสโซ่
จบดรามา "ปังชา" เจ้าของร้านดังรับ "ใครๆ ก็ใช้ได้"
สภาพอากาศวันนี้ เที่ยวทะเลใต้ระวังฝนตกหนัก คลื่นสูงกว่า 3 เมตร