ปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ชื่อสินค้ากรณี "ปังชา" ซึ่งล่าสุดกรมทรัพย์สินทางปัญญา ยืนยันว่า คำว่า "ปังชา" ใครก็ใช้ได้ สามารถขายน้ำแข็งน้ำแข็งไสราดชาไทยได้
ย้อนไป 10 ปีก่อนเคยมีกรณีคล้ายมาแล้ว กับร้านกาแฟรถเข็น ย่านถนนพระอา ทิตย์ ชลธิชา แสงวิมาน และดำรงค์ มัสแหละ เจ้าของร้านกาแฟ O.K.สตาร์บัง ที่เดิมที ใช้ชื่อ "สตาร์บัง" ซึ่งเป็นร้านกาแฟริมถนน ย่านถนนพระอาทิตย์ เมื่อ 10 ปีก่อน เขาถูกร้านกาแฟชื่อดังฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย 300,000 บาท
จากกรณีชื่อร้านและโลโก้ ไปคล้ายกับร้านกาแฟชื่อดังระดับโลก ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ไกล่เกลี่ย ถอยกันคนละก้าว
ช่วงที่กำลังสู้คดีเมื่อ 10 ปีก่อน การฟ้องร้อง ทำให้ครอบครัวได้รับผลกระทบทางจิตใจอย่างมาก เสียกำลังใจ จนต้องตั้งชื่อร้านเชิงประชดประชัน คือ “ น้ำตาบัง “ และเปลี่ยนโลโก้เป็นตัวการ์ตูนร้องให้ให้สอดคล้องกัน
แต่ก็ใช้ได้ประมาณ 3 เดือน ก็ต้องปลดออก เพราะบรรยากาศดูเศร้า และเปลี่ยนชื่อไปใช้ชื่อ “O.K.สตาร์บัง “ ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลง และการไกล่เกลี่ยกับร้านกาแฟชื่อดัง
ลูกค้า อุดหนุนกันหนาแน่นร้าน O.K.สตาร์บัง
วันนี้ร้านกาแฟ O.k. สตาร์บัง ยังขายอยู่ที่เดิม และเพิ่มอีกร้านในรูปแบบร้านกาแฟเคลื่อนที่ มีนายดำรงค์ ดูแลเป็นหลัก ส่วนร้านที่อยู่บนถนนพระอาทิตย์ มีภรรยามาช่วยขาย
ทั้งสองคนบอกว่า หลังตกเป็นข่าวถูกร้านกาแฟชื่อดังฟ้อง ร้านของเขาก็เป็นที่รู้จัก นักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เห็นข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศ ก็แห่กันมาซื้อ หลังเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทย บางคนจ่ายเงิน 2,500 บาท สำหรับกาแฟ 1 แก้ว เพื่อให้กำลังใจ
ดำรงค์ บอกว่า เหตุการณ์ครั้งนั้น เป็นบทเรียนสำคัญในชีวิต แม้จะตั้งชื่อร้านเล่นๆ ตลกๆ คิดว่าไม่กระทบอะไร แต่ในความเป็นจริงเจ้าของสิทธิบัตร เขาอาจไม่ได้ตลกด้วย
ดังนั้นจะทำอะไรให้คิดดีๆ และอยากให้เจ้าของธุรกิจที่เป็นเจ้าของสิทธิบัตร หากจะไล่ฟ้องใคร ก็ควรพูดดีๆ เพราะหากพลาดขึ้นมา สังคมจะปกป้องคนที่ตกเป็นจำเลย มากกว่าโจทก์ อาจเกิดกระแสตีกลับได้
อ่านข่าว
จบดรามา "ปังชา" เจ้าของร้านดังรับ "ใครๆ ก็ใช้ได้"
"ปังชา" จดลิขสิทธิ์ โซเชียลถาม "บิงซู - น้ำแข็งไสชาไทย" ขายต่อได้มั้ย ?