วันนี้ (5 ก.ย.2566) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 43 ในวันนี้ ให้ความสำคัญกับการผลักดันให้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นพื้นที่แห่งสันติภาพและเสถียรภาพ ท่ามกลางความขัดแย้งทั้งในและนอกภูมิภาค
ความพยายามของอินโดนีเซียในการสร้างพื้นที่สันติภาพและหลีกเลี่ยงความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจ สะท้อนให้เห็นจากการจัดการประชุมอาเซียน-อินโดแปซิฟิกเป็นครั้งแรก เพื่อยกระดับความร่วมมือในภูมิภาคและสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกัน
ขณะที่ โจโค วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ย้ำถึงการสร้างเอกภาพภายในกลุ่ม หลังจากชาติสมาชิกมีความเห็นไม่ลงรอยกันในหลายประเด็น ตั้งแต่การแก้ปัญหาความขัดแย้งในเมียนมา ไปจนถึงการขยายอิทธิพลระหว่างสหรัฐฯ กับจีนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ผู้นำอินโดนีเซีย เสนอให้สมาชิกอาเซียนกำหนดยุทธศาสตร์ระยะยาว เพื่อสร้างสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญร่วมกัน ไม่เช่นนั้นอาเซียนอาจจะถูกลากเข้าสู่วังวนความขัดแย้งของชาติมหาอำนาจ จนสร้างความสูญเสียให้แก่ทุกประเทศในภูมิภาคอย่างหนัก พร้อมยอมรับว่าโลกอยู่ในภาวะไม่ปกติ จากความพยายามแผ่ขยายอิทธิพลเพื่อชิงความเป็นหนึ่งของประเทศขนาดใหญ่
ด้าน มาร์ตี นาตาเลกาวา อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย มองว่า อาเซียนกำลังอยู่บนทางแยกและต้องปรับตัวรับความท้าทาย
โจโค วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย
สำหรับ Indonesia ASEAN Indo-Pacific Forum (AP) เป็นความพยายามในการสร้างความร่วมมือในภูมิภาค นำไปสู่การจัดการประชุมอาเซียน-อินโดแปซิฟิกเป็นครั้งแรก การประชุมวงนี้เป็นเรือธงของอินโดนีเซียในฐานะประธาน เพื่อให้ "อินโด-แปซิฟิก" ไม่ใช่พื้นที่ของความมั่นคงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ขณะที่สหรัฐฯ และจีนต่างก็มีความสำคัญต่อการสร้างความร่วมมือผ่านกลไกการประชุมอาเซียน-อินโดแปซิฟิกไม่น้อยไปกว่ากัน
สำหรับการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 43 นายศรัณย์ เจริญสุวรรณ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้เข้าร่วมการประชุมตลอดทั้งวัน เนื่องจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีกำหนดนำคณะรัฐมนตรีเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่อย่างเป็นทางการ
แม้ว่าอินโดนีเซียพยายามผลักดันกลไกต่างๆ ในการเปลี่ยนสนามประลองกำลังของมหาอำนาจ เป็นสนามแห่งความร่วมมือเพื่อสันติภาพ แต่การผลักดันให้แนวคิดต่างๆ จับต้องได้ ยังเต็มไปด้วยความท้าทาย เนื่องจากสมาชิกอาเซียนยังมีความคิดเห็นหลากหลายในประเด็นนี้ ขณะที่การขับเคลื่อนความร่วมมือในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก จำเป็นต้องสอดรับกับผลประโยชน์ของกว่า 40 ประเทศในพื้นที่บริเวณนี้ด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง