วันนี้ (12 ก.ย.2566) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้กล่าวสรุปการอภิปรายนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาของฝ่ายค้านว่า คำแถลงนโยบายของรัฐสภา ไม่ได้เห็นความมุ่งมั่นของนายกรัฐมนตรี ไม่เห็นความแตกต่างจากนโยบายของรัฐบาลในอดีต ที่ไม่กล้าแยกหมวดหมู่นโยบาย หรือรับปากนโยบายต่อประชาชนอย่างที่ควรจะเป็น และนายกรัฐมนตรี เป็นเพียงนักแสดงนำชาย ที่ยังไม่มั่นใจว่า จะมีอำนาจการตัดสินใจแท้จริงหรือไม่ เพราะการแถลงนโยบายในอดีต มีการแยกหมวดหมู่ไว้อย่างชัดเจน เช่น ในรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
นายวิโรจน์ ยังเห็นว่า การสื่อสารนโยบายของรัฐบาล ก็ยังไม่มีความชัดเจน โดยเฉพาะการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล 10,000 บาท ที่ทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย ยืนยันจะได้ใช้ในเดือนเมษายน 2567 ก่อนที่นายกรัฐมนตรี จะเลื่อนมาใช้ในเดือนกุมภาพันธ์ และแนวทางการแจก ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า จะแจกงวดเดียว หรือทยอยจ่าย
รวมถึงการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ที่นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุจะใช้จ่ายแอปพลิเคชันเป๋าตัง แต่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ระบุจะใช้ผ่านบล็อกเชน ดังนั้น จึงไม่มั่นใจว่า จากนโยบายที่จะสร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจแล้ว ประชาชนจะหัวหมุนจากการสื่อสารไม่ตรงกันของรัฐบาลหรือไม่ และกังวลว่า ข้าราชการก็อาจจะประสบปัญหาในการดำเนินการด้วย
นายวิโรจน์ ยังเชื่อว่า ประชาชน ยังไม่เห็นความทะเยอทะยานของรัฐบาลให้คำมั่นกับประชาชนอย่างที่ควรจะเป็น และเคยเห็นความองอาจของรัฐบาลทักษิณ 1 ที่กล้าประกาศพักหนี้เกษตรกรรายย่อย 3 ปี, ตั้งกองทุนหมู่บ้านละ 1,000,000 บาท, สร้างหลักประกันสุขภาพ 30 บาท ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ระบุขึ้นค่าแรง 300 บาท จบปริญญาตรี มีรายได้ไม่น้อยกว่า 15,000 บาท
แต่รัฐบาลนายเศรษฐา ที่ประกาศหาเสียงค่าแรง 600 บาท ภายในปี 2570 เหตุใดจึงไม่ระบุไว้ในคำแถลงนโยบายของรัฐบาล แต่กลับเขียนคลุมเครือด้วยค่าแรงค่าต่ำที่เป็นธรรม และมีเงื่อนไขการกำหนดที่เศรษฐกิจจะต้องเติบโตต่อเนื่องปีละ 5% เป็นเวลา 4 ปีอีกด้วย จึงทำให้ไม่มั่นใจว่า นโยบายของรัฐบาลชุดนี้ จะมีหมายเหตุซ่อนไว้ในจุดอื่นๆ อีกหรือไม่
ส่วนปัญหาผู้มีอิทธิพล กับการทุจริตคอร์รัปชันนั้น นายวิโรจน์ ระบุว่า ผู้มีอิทธิพล ได้ผันตัวไปสนับสนุนจ่ายเงินซื้อขายตำแหน่ง และจ่ายส่วยให้ข้าราชการระดับสูง อย่างกรณีกำนันนกที่ จ.นครปฐม มีข้าราชการมารับใช้ แต่นโยบายของรัฐบาล กลับไม่มีความชัดเจนในการจัดการกับปัญหาดังกล่าว โดยควรเร่งปฏิรูปตำรวจ และปรับเปลี่ยนการประมูลของรัฐ เปิดเผยข้อมูลรัฐอย่างโปร่งใส และส่งเสริมเสรีภาพสื่อมวลชน
นายวิโรจน์ หวังว่า นายกรัฐมนตรี จะเตือนตัวเองว่าไม่ใช่ลูกน้องของกลุ่มอำนาจเก่า กลุ่มทุนอุปถัมภ์ และพรรคร่วมรัฐบาลที่มีการต่อรองอย่างหนัก แต่เป็นนายกรัฐมนตรีของคนไทยทุกคน และจะต้องเกรงใจประชาชน มีความทะเยอทะยานมากกว่านี้ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล เหมือนที่นายเศรษฐา เคยมีก่อนหน้านี้ และกล้าตัดสินใจในฐานะหัวหน้ารัฐบาล เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นคงในการใช้ชีวิต กล้ามีความฝัน และฝากชีวิตไว้กับรัฐบาล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
"พริษฐ์" ตั้ง 4 คำถาม "เศรษฐา" ปมแก้ รธน.จุดยืนต่างฟ้ากับเหว
"ชัยธวัช" เหน็บนโยบายกองทัพ รบ.เศรษฐา เหมือนเขตทหารห้ามเข้า
"ชวน" กรีดรัฐบาลไร้แผนดูแลใต้ ห่วงนักธุรกิจทำการเมือง
สส.ก้าวไกลชง 5 ข้อโมเดลแก้ไฟป่า-ฝุ่นควันทั้งโครงสร้าง
รัฐบาลลุยพักหนี้เกษตรกร ชง ครม. พรุ่งนี้ ตั้งเป้าทำให้ได้ไตรมาส 4