วันนี้ (12 ก.ย.2566) นายรังสิมันต์ โรม สส.ก้าวไกล อภิปรายนโยบายของรัฐบาลว่า นโยบายของรัฐบาลเศรษฐา 1 ขาดความชัดเจน เกรงใจพวกพ้อง ช่วงหนึ่งกล่าวถึงเรื่องปัญหา "ตั๋ว" ว่า ทำให้เกิดการขู่เข็ญประชาชนจ่ายส่วนสินบน สร้างเครือข่ายอำนาจนิยมและทำให้ตำรวจอยู่ภายระบบอุปถัมภ์ของผู้มีอำนาจ จึงอยากถามว่าในยุคของรัฐบาลเศรษฐา จะแก้ปัญหาระบบอุปถัมภ์ของตำรวจอย่างไร จะยังมีตั๋วช้าง ภายใต้นายกรัฐมนตรีคนนี้หรือไม่
นอกจากนี้ยังมีเรื่องตำรวจลาก เป็นช่องทางให้มีการแทรกแซงแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจให้ข้ามหน่วยงาน ใครไม่ยอมรับจะถูกธำรงค์วินัยนาน 9 เดือน ถือเป็นความเน่าเฟะของระบบอุปถัมภ์ที่ไม่ได้รับการเหลียวแลจากผู้มีอำนาจในรัฐบาลมาเป็นเวลานาน
นายรังสิมนต์ อ้างถึงการทุจริตในกองบินตำรวจที่สร้างหนี้สินให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกือบ 1,000 ล้านบาท ซึ่งอดีตนายกรัฐมนตรีได้อนุมัติงบกลางเพื่อใช้หนี้ดังกล่าว เป็นเรื่องที่ขัดต่อกฎหมายและสร้างความเสียหายต่อประเทศ จึงอยากถามว่านายกฯ คนปัจจุบันว่าจะดำเนินคดีกับอดีตนายกฯ หรือไม่ รวมถึงเรื่องค้ามนุษย์ที่ส่งผลทำให้ตำรวจดีๆ ที่มีผลงานปราบปรามการค้ามนุษย์ แต่สุดท้ายต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ หลังจับกุมนายทหารยศพลโท ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับตำรวจน้ำดี
การทุจริตทำให้โครงสร้างตำรวจอ่อนแอ เกิดผู้มีอิทธิพล ล่าสุดกรณี "กำนันนก" ที่มีตำรวจถูกยิงต่อหน้าตำรวจอีกกว่า 20 คน เคสนี้นายกฯ จะทำอย่างไร จะสืบสาวต่อหรือไม่ว่าส่วยทางหลวงที่จ่ายกันสุดท้ายไปถึงใคร จะจัดการหรือเกรงกลัวตั๋วช้าง
ทั้งหมดนี้ทำให้อาชญากรข้ามชาติเข้ามาในประเทศได้อย่างปลอดภัย ยาเสพติดและทุนจีนสีเทาทะลักเข้าประเทศ แต่นายกฯ วาดฝันว่า 5 ปีข้างหน้า นโยบายเช่นนี้จะทำให้ประเทศมีหลักนิติธรรม น่าเชื่อถือ แต่เมื่อได้อ่านนโยบายกลับมองไม่เห็นว่าประเทศไทยจะหลุดพ้นจากวงจรนี้ได้อย่างไร และนึกไม่ออกว่าปัญหาทุจริตคอร์รัปชันที่กำลังเกิดจะยุติด้วยวิธีการใด จึงอยากพิสูจน์ความจริงใจในการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันและยาเสพติดของนายกฯ
นายรังสิมันต์ ยังอ้างว่า มีข้อมูลของนักการเมืองระดับ สว. 2 คน โดยมีคลิปเสียงและเอกสารที่ยืนยันได้ว่าใครเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด ซึ่ง สว. 2 คนที่เกี่ยวข้องใช้ชื่อย่อ สว.ทรงเอ และ สว.พอพาน พูดคุยกับนักธุรกิจชื่อย่อ นายดี้ เมื่อปี 2564 เพื่อเคลียร์คดียาเสพติด โดยมีตำรวจผู้ใหญ่ 2 คนเข้ามาเกี่ยวข้อง เริ่มต้นจากนาย อ.ทรงเอ ใช้โรงแรมในประเทศเพื่อนบ้านเป็นบ่อนการพนันและดำเนินธุรกิจไฟฟ้าควบคู่กันไป เมื่อ อ.ทรงเอ ได้เป็น สว. การทำธุรกิจก็ดำเนินการผ่านการใช้นอมินี โดยนอมินีคนล่าสุดคือลูกเขย ก่อนที่ สว.พอพาน จะสานสัมพันธ์ให้ สว.ทรงเอ และนายดี้ รู้จักกัน นำมาสู่การตัดสินใจขายบ่อนการพนันให้กับนายดี้ที่มีชื่อเสียงเรื่องการพนันออนไลน์
หลังจากซื้อขายธุรกิจ สว.ทรงเอ ปรากฏว่า บช.ปส.ได้เข้าตรวจสอบนายดี้ ด้วยความตกใจนายดี้ได้ไปคุยกับ สว.ทรงเอ เพื่อให้เคลียร์ปัญหาให้ มาถึงจุดนี้ธุรกิจบ่อนการพนันและไฟฟ้ามีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับยาเสพติด ตามที่ปรากฏในคลิปเสียง สว.ทรงเอ คุยกับนายดี้ว่าธุกิจไฟฟ้ามีขึ้นเพื่อจ่ายไฟเข้าบ่อนการพนัน ซึ่งอดีตเมืองท่าขี้เหล็กไม่มีไฟฟ้าใช้ แต่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในประเทศนั้น โดยให้ สว.ทรงเอ คนดังกล่าวเป็นตัวแทนขายไฟ เพื่อเอาไฟมาใช้ในธุรกิจบ่อนการพนัน แต่จะเอาไฟมาใช้แค่บ่อนเพียงอย่างเดียวไม่ดี จึงเป็นที่มาของการจำหน่ายไฟไปฝั่งเมียนมา จากนั้นนายรังสิมันต์ ได้เปิดคลิปเสียงในสภาฯ
นายรังสิมันต์ ได้กล่าวถึงชื่อบริษัทหนึ่งที่ถูกอ้างถึงในคลิปเสียง โดยระบุว่าเป็นบริษัทของ เหว่ย เซี๊ยะ กัง ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มว้าแดง ซึ่งเป็นหนึ่งในขบวนการค้ายาเสพติดระดับโลก ดังนั้นเมื่อนายดี้รับช่วงธุรกิจบ่อนการพนันจาก สว.ทรงเอ จึงถูก บช.ปส.ติดตามตัวจนเป็นต้นเหตุของคลิปดังกล่าว ทำให้นอกจากไฟฟ้าของไทยจะถูกนำไปหล่อเลี้ยงบ่อนการพนันในช่วงที่ผ่านมาแล้ว ประเทศไทยยังส่งไฟไปยังขบวนการยาเสพติดผ่านเครือข่ายของ สว.ทรงเอ ใช่หรือไม่ และยาเสพติดเหล่านี้ก็ถูกส่งกลับมาขายให้กับคนไทย ก่อนที่จะเอาเงินที่ขายยาส่งกลับไปเมียนมาเพื่อนำไปจ่ายค่าไฟและผลิตยาเสพติดต่อไป
นอกจากนี้ระบุอีกว่า ในคลิปยังพูดถึงตำรวจผู้ใหญ่อีก 2 คน ขอใช้ชื่อย่อว่า ป 1 และอีกคน ป 2 ทั้งสองคนเป็นตำรวจระดับสูง อ้างถึงกันเพื่อช่วยเหลือวิ่งคดีและเคลียร์คดียาเสพติด ซึ่งการวิ่งคดีที่เกี่ยวพันไปยัง สว.ทรงเอ อยู่ในการรับรู้รับทราบของอดีตตำรวจ ป 1 แล้ว นอกจากนี้ในคลิปเสียงยังมีการเอ่ยถึง ป 2 และดูเหมือนว่า สว.ทรงเอ จะมีความสนิทสนม โดยแผนสมคบคิดที่มี สว.ทรงเอ เป็นแกนนำแสดงยังให้เห็นว่าพวกเขารู้จักคนใน บช.ปส.ด้วย
นายรังสิมันต์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ทั้งหมดที่ไล่เลียงมานี้ เพื่อต้องการให้นายกฯ เห็นว่าปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในประเทศไทยหยั่งรากลึก ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เพราะเบื้องหลังเครือข่ายของนักการเมืองบางกลุ่มที่ทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐได้มารู้จักกันและพัฒนาเป็นเครือข่ายอุปถัมภ์ จึงหวังว่านายกฯ จะใช้อำนาจที่มีแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ปล่อยทิ้งไว้เหมือนที่ผ่านมา
อ่านข่าวอื่นๆ
"ชวน" กรีดรัฐบาลไร้แผนดูแลใต้ ห่วงนักธุรกิจทำการเมือง
"ชัยธวัช" เหน็บนโยบายกองทัพ รบ.เศรษฐา เหมือนเขตทหารห้ามเข้า
"พริษฐ์" ซัด "เศรษฐา" เติม ก. จากนายเป็นนายกฯ จุดยืนเปลี่ยนราวฟ้ากับเหว
จับกระแสการเมือง 12 ก.ย.66 "นายกฯ ส้มหล่น” ถึงส้มทั้งแผ่นดิน ทำสภาเดือด