เมื่อวันที่ 12 ก.ย.2566 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิด ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในขณะนั้น พร้อมพวกรวม 12 คน
จากกรณีที่ กทม.ว่าจ้าง บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด มหาชน หรือ BTSC เดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 3 เส้นทาง ซึ่งจะสิ้นสุดอายุสัมปทานในปี 2572 โดยเป็นการจ้างต่อออกไปอีก 13 ปี หรือให้ไปสิ้นสุดสัญญาพร้อมกันใน 2585
สำหรับข้อพิจาณาคือ การกระทำดังกล่าว เป็นการหลีกเลี่ยงและไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ หรือ พ.ร.บ.ฮั้ว หรือไม่ และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ และเอื้อประโยชน์ให้แก่ BTSC เพียงรายเดียวหรือไม่
องค์คณะไต่สวนพิจารณาแล้วมีมติ 3 ต่อ 3 เสียง เห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151, 157, 83 และ พ.ร.บ.ฮั้ว ซึ่งแม้ว่าเสียงจะเท่ากันแต่ถือว่าเข้าข่ายความผิด
เพราะตามมาตรา 23 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต บัญญัติว่า การลงมติว่าผู้ถูกกล่าวหามีความผิดหรือไม่นั้น ต้องใช้เสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมดที่มีอยู่จึงเท่ากับว่าผู้ถูกกล่าวหาน่าจะเข้าข่ายความผิด
สำหรับการชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังไม่ถือว่าเป็นที่สุด โดยผู้ถูกกล่าวหายังมีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลได้
ส่วนขั้นตอนต่อไป ป.ป.ช.จะส่งสำนวนการไต่สวนให้กับอัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาดำเนินคดีอาญา ส่วนการลงโทษทางวินัยกับผู้เกี่ยวข้องนั้นจะส่งให้ผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนพิจารณาต่อไป
อ่านข่าวอื่น ๆ
ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหา "สุขุมพันธ์ุ" กับพวก ปมรถไฟฟ้าสายสีเขียว
พล.อ.ประยุทธ์ ใช้ ม. 44 สั่งพักงาน "ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์-นพ.เปรมศักดิ์"